วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2550






**************หวัดดี ทักทาย กันหน่อย *******













หายไปนานเช่นเดิม น้าน เพิ่งมำแฟ้มเสร็จ หยกๆ เหนื่อยฟร่ะ ยอมรับเรย ว่าเหนื่อยจิง โคดโชคดีอ่ะ ที่โรงเรียนหยุดไม่งั้นอ่ะ ตายแน่
เออ นนี่ไปสอบชิงทุนมา ข้อสอบไร ยากโคดอ่ะ แต่ของเอเอฟเอส อ่ะ พอรับได้ แต่ได้เปล่าไม่รู้ เออ แต่ที่พอลุ้น อ่ะคงเป็น ของเมกา ไปปีหน้าแหละ แล้วก้อต้องไปเข้าค่ายภาษา หน่อยนึง แต่รู้ตัวว่าไม่ค่อยรอดอ่ะ โรงเรียนอื่นพูดไฟแล็บเรย เหนแล้วน่ากลัว ง่า ไงเราฟังไม่ค่อยรู้เรื่องอ่ะ เครียดดด เออ แต่ก็สู้ตาย ยอมรับว่าอยากไปมากๆๆ อยากไปจิงๆๆ ก่อนจบม. 6 เนี่ย เเออ ไหงไมไม่มีเลือกฝรั่งเศสอ่ะ มีแค่เมกา เออ เอ้าที่ไหนก้อได้แล้วกัน อยากไปโว้ย เอออ วันนี้อ่านข่าวเกี่ยวกะแอดมิต แต่ปี 2553 อ่ะ รุ่นเราคงพ้นแล้วแหละ เค้าบอกว่ารุ่นเราใช้แบบเดิม จีพีเอ 50% เหมือนเดิม อือ ก้อดีอ่ะ ไม่งั้นคงไม่รอดอ่ะ น่าปวดหัวอ่ะ ชอบเปลี่ยนจังเลย ระบบสอบเข้าเนี่ย ( แฮร์รี่ เกี่ยวไรอ่ะ )






********* โฮย โครดดีใจอ่ะ มีคนเม้นด้วย แต้งกิ้ว หลายเด้อ อยากเม้นให้กลับใจจะขาด แต่เครื่องบ้านเค้ามันไม่โชว์ให้ เฮ้อ กำ ******





ข่ายอาสาฯลุยค้านสอบโอเน็ต8วิชา
ร่วมส่งประเด็นข่าวที่น่าสนใจ คลิกที่นี่ ข่าวของท่านมีประโยชน์กับผู้อื่นอีกมากมาย
คาดได้หมื่นชื่อเสนอนายกฯสัปดาห์หน้า "อุทุมพร"ยันปี"51สอบครบทุกกลุ่มสาระฯกรณีที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) มีมติให้ระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือแอดมิสชั่นส์ ประจำปีการศึกษา 2553 ใช้ 2 องค์ประกอบ ได้แก่ 1.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับมัธยมปลาย ที่คิดจากค่าเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมปลาย หรือจีพีเอเอ็กซ์ และคะแนนสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต รวมกัน 50% โดยคะแนนโอเน็ตมาจากการทดสอบทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และ 2.การวัดความถนัดในวิชาชีพ หรือ Aptitude Test โดยแบ่งเป็นการวัดความถนัดทั่วไป และการวัดความถนัดเฉพาะสาขาวิชาชีพ รวมกัน 50% โดยในส่วนของผู้ที่จบการศึกษาก่อนปีการศึกษาปัจจุบัน ให้สมัครสอบตรงกับทางมหาวิทยาลัยนั้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน นายอุเทน พิพัฒน์โภไคยศรี นักเรียน ม.5 โรงเรียนวัดราชบพิธ หนึ่งในแกนนำเครือข่ายอาสาเพื่อบ้านเกิด เปิดเผยว่า มติ ทปอ.โดยเฉพาะการใช้คะแนนโอเน็ต 8 กลุ่มสาระฯ มีผลกับนักเรียน ม.4 ถือเป็นการประกาศให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ ตนยังยืนยันว่าสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ควรจัดสอบโอเน็ตกับนักเรียน ม.6 ในปีนี้เพียง 5 กลุ่มสาระฯ ไม่เห็นด้วยกับการสอบเพิ่มอีก 3 กลุ่มสาระฯ เพราะกะทันหัน และแม้ว่าพวกตนจะกลายเป็นเด็กซิ่ลในอนาคต โดยที่มีคะแนนโอเน็ตเพียง 5 กลุ่มสาระฯ ในขณะที่ ทปอ.ใช้ 8 กลุ่มสาระฯ ก็ไม่คิดว่าจะส่งผลกระทบ หรือหากกระทบ ทปอ.ก็คงหาวิธีแก้ไขให้"ปีนี้ สทศ.ไม่ควรสอบโอเน็ตเพิ่ม เพราะนักเรียนยังไม่พร้อม นักเรียน ม.6 มีเวลาเตรียมตัวแค่ปีเดียว อีกทั้ง การงานอาชีพและเทคโนโลยี, สุขศึกษาและพลศึกษา และศิลปะ เป็นการเรียนภาคปฏิบัติ แต่ละโรงเรียนทำเนื้อหาการสอนแตกต่างกัน เวลานี้ สทศ.แจ้งว่าคนที่ไม่ต้องการสอบ 3 กลุ่มสาระฯเพิ่ม ให้ยื่นคำชี้แจงเข้ามาก่อนเดือนตุลาคม ทำให้พวกผมสงสัยว่า สทศ.จะจัดสอบโอเน็ตเพิ่มทำไม เพราะด้านหนึ่งบอกว่าเป็นพันธกิจ ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้เด็กเลือกที่จะไม่สอบก็ได้" นายอุเทนกล่าวนายณภัทร จันทร์นวล นักเรียน ม.6 โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง อีกหนึ่งในแกนนำเครือข่ายเด็กอาสาเพื่อบ้านเกิด กล่าวว่า เครือข่ายเด็กอาสาเพื่อบ้านเกิดจะแถลงข่าวเปิดตัว และออกแถลงการณ์คัดค้านเรื่องนี้ในวันที่ 19 มิถุนายน เวลา 17.00 น.บริเวณชั้นล่างศูนย์หนังสือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้ ตนไม่ขัดที่ สทศ.จะจัดสอบโอเน็ต 8 กลุ่มสาระฯ แต่ควรแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 3 ปี อีกทั้งไม่ควรนำโอเน็ตไปผูกกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพราะเมื่อให้สอบได้เพียง 1 ครั้ง ก็จะไม่เป็นธรรม"นอกจากนี้ จะทำเข็มกลัดชื่อว่า "โอเน็ต..ไม่โอ" ขายอันละ 20 บาท ซึ่งมาจากแนวคิดที่ไม่แน่นอนของการสอบโอเน็ต และการศึกษาไทยในปัจจุบันที่ไม่โอสักที และนักเรียนไม่มีส่วนร่วม เพื่อหารายได้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการเคลื่อนไหวคัดค้าน เบื้องต้นจะผลิต 500-1,000 อัน" นายณภัทรกล่าว และว่า ส่วนความคืบหน้าการล่ารายชื่อนักเรียนที่คัดค้านเพื่อเสนอนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการ ศธ. และผู้อำนวยการ สทศ.นั้น ขณะนี้มีผู้ลงชื่อผ่านออนไลน์ 2,500 คน ยังไม่รวมที่ลงชื่อปกติ ถือว่ากระแสตอบรับดี คาดว่าอีก 1 สัปดาห์จะได้ครบ 10,000 ชื่อ โดยรายชื่อจะส่งให้ต่อเมื่อได้รับหลักประกันว่าเด็กจะไม่ได้รับผลกระทบนางอุทุมพร จามรมาน ผู้อำวยการ สทศ.กล่าวว่า สทศ.ประกาศบนเว็บไซต์ว่าผู้ที่ไม่ประสงค์จะสอบ 3 กลุ่มสาระฯที่เพิ่มขึ้น ให้แจ้งก่อนเดือนตุลาคมจริง เพราะเป็นช่วงทำฐานข้อมูล จะได้รวบรวมตัวเลขเพื่อพิมพ์ข้อสอบ แต่ไม่ได้หมายความว่าอนุญาตให้นักเรียนไม่สอบ เพียงแต่ไม่บังคับ เพราะไม่มีใครล่ามโซ่ให้มาสอบได้ และการลากมาสอบก็ไม่มีประโยชน์ ปล่อยให้เป็นวิจารณญาณของนักเรียนเอง ทั้งนี้ นักเรียนน่าจะคิดอีกมุมว่าการสอบเป็นเรื่องดี จะได้วัดความรู้ของตัวเองว่าอยู่ระดับไหน ตนอยากให้นักเรียนคิดยาวๆ โดย สทศ.ยังยืนยันในหลักการว่าจะจัดสอบ 8 กลุ่มสาระฯไม่เปลี่ยนแปลง
แหล่งที่มา มติชน


เวลาชีวิตใน 1 วัน
ร่วมส่งประเด็นข่าวที่น่าสนใจ คลิกที่นี่ ข่าวของท่านมีประโยชน์กับผู้อื่นอีกมากมาย
การแพทย์ตะวันออกถือว่า กลางวันและกลางคืนมีความสัมพันธ์กับสุขภาพของมนุษย์อย่างแยกไม่ออก โดยมองลึกลงไปอีกว่า ช่วงเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันนั้นภายในร่างกายของมนุษย์ยังมีการไหลเวียนของพลังชีวิตที่ผ่านอวัยวะภายในของร่างกาย ซึ่งประกอบด้วย อวัยวะตันและอวัยวะกลวง
อวัยวะตัน หมายถึง หัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ปอด ม้าม ตับ ไต
อวัยวะกลวง หมายถึง กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ ระบบความร้อนของร่างกาย (ชานเจียว)
การไหลเวียนของพลังชีวิต (ลมปราณ) ที่ผ่านแต่ละอวัยวะนั้นจะใช้เวลาสองชั่วโมง ทั้งหมดมี 12 อวัยวะ รวม 24 ชั่วโมง คือ หนึ่งวัน เรียกว่า "นาฬิกาชีวิต"
1.00-3.00 น. เป็นช่วงเวลาของตับ ควรนอนหลับพักผ่อนถ้าใครนอนหลับได้ดีเป็นประจำในช่วงเวลานี้ ตับจะหลั่งสารมีราโทนิน (meratonine) เพื่อฆ่าเชื้อโรคทำให้หน้าอ่อนกว่าวัย นอกจากร่างกายจะหลั่งมีราโทนินประจำแล้ว ยังหลั่งสารเอนโดรฟิน (endorphin) ออกมาด้วยจึงไม่ควรกินอาหาร เพราะจะทำให้ตับทำงานหนักและเสื่อมเร็ว
3.00-5.00 น. เป็นช่วงเวลาของปอด ควรตื่นขึ้นมาสูดอากาศรับแดดตอนเช้า ผู้ที่ตื่นช่วงนี้ประจำ ปอดจะดี ผิวดี และเป็นคนมีอำนาจในตัว???
5.00-7.00 น. ลำไส้ใหญ่ ควรถ่ายให้เป็นนิสัย คนเรามักไม่ตื่นกันตอนนี้ซึ่งเป็นเวลาที่ลำไส้ต้องบีบอุจจาระลง เมื่อไม่ตื่นจึงบีบขึ้น เมื่อไม่ถ่ายตอนเช้าลำไส้ใหญ่จึงรวน แล้วจะมีอาการปวดหัวไหล่ กล้ามเนื้อเพดานจะหย่อน แล้วจะนอนกรนในที่สุด
7.00-9.00 น. กระเพาะอาหาร กินเข้าเช้าตอนนี้จะดี กระเพาะแข็งแรง ถ้ากระเพาะอ่อนแอ จะทำให้เป็นคนตัดสินใจช้า ขี้กังวล ขาไม่ค่อยมีแรง ปวดเข่า หน้าแก่เร็วกว่าวัย ถ้าไม่กินข้าวเช้าอุจจาระจะถูกดูดกลับมาที่กระเพาะ กลิ่นตัวจะเหม็นถ้าถ่ายออกหมดจะไม่มีกลิ่นตัวเท่าไหร่
9.00-11.00 น. ม้าม ม้ามจะอยู่ชายโครงด้านซ้าย หน้าที่ควบคุมเม็ดเลือด สร้างน้ำเหลือง ควบคุมไขมัน คนที่ปวดหัวบ่อยมักมาจากม้าม อาการเจ็บชายโครงมาจากม้ามกับตับ ม้ามโต จะไปเบียดปอด ทำให้เหนื่อยง่าย ผอมเหลือง ตาเหลือง สร้างเม็ดเลือดขาวได้น้อย ม้ามชื้น อาหารแและน้ำที่กินเข้าไปจะแปรสภาพเป็นไขมัน ทำให้อ้วนง่าย คนที่หลับช่วง 9.00-11.00 ม้ามจะอ่อนแอ ม้ามยังโยงไปถึงริมฝีปากคนที่พูดมากช่วงนี้ม้ามจะชื้น ควรพูดน้อยกินน้อย ไม่นอนหลับ ม้ามจะแข็งแรง
11.00-13.00 น. หัวใจ หัวใจจะทำงานหนักช่วงนี้ ให้หลีกเลี่ยงความเครียด หรือใช้ความคิดหนัก หาทางระงับอารมณ์ไว้
13.00-15.00 น. ลำไส้เล็ก **ควรงดกินอาหารทุกประเภท** เพื่อเปิดโอกาสให้ลำไส้ทำงาน ลำไส้เล็กทำหน้าที่ดูดสารอาหารที่เป็นน้ำเพื่อสร้างกรดอะมิโนสร้างเซลล์สมอง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างไข่สำหรับผู้หญิง
15.00-17.00 น. กระเพาะปัสสาวะ จะเกี่ยวข้องกับระบบความจำ ไทรอยด์ และระบบเพศทั้งหมด ช่วงเวลานี้ควรทำให้เหงื่อออก จะออกกำลังการหรืออบตัวกระเพาะปัสสาวะจะได้แข็งแรง การอั้นปัสสาวะบ่อยจะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดทำให้เหงื่อเหม็น
17.00-19.00 น. ไต ควรทำใจให้สดชื่น ไม่ง่วงเหงาหาวนอนตอนนี้ ถ้าง่วงแสดงว่าไตเสื่อม ยิ่งหลับแล้วเพ้อ อาการยิ่งหนัก
19.00-21.00 น. เยื่อหุ้มหัวใจ ช่วงนี้ควรสวดมนต์ ทำสมาธิ ให้ระวังเรื่องตื่นเต้น ดีใจ หัวเราะ
21.00-23.00 น. เวลาของระบบความร้อนของร่างกาย ต้องทำร่างกายให้อุ่น ห้ามอาบน้ำเย็นเวลานี้จะเจ็บป่วยได้ง่าย ช่วงนี้อย่าตากลมเพราะลมมีพิษ
23.00-1.00 น. ถุงน้ำดี เป็นถุงสำรองน้ำย่อยที่ออกมาจากตับ อวัยวะใดขาดน้ำ จะดึงมาจากถุงน้ำดี ทำให้ถุงน้ำดีข้น อารมจะฉุนเฉียว สายตาเสื่อม เหงือกบวมปวดฟัน นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก ตอนเช้าจะจาม ถุงน้ำดีจะโยงถึงปอดจะปวดศีรษะข้างเดียวหรือสองข้างโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรดื่มน้ำก่อนเข้านอน หรือก่อนเวลา 23.00 น.
สรุป1.00-3.00 น. นอนซะ3.00-5.00 น. ตื่นมาสูดอากาศ5.00-7.00 น. ขับถ่าย7.00-9.00 น. กินข้าวเช้า9.00-11.00 น. อย่าพูดมาก กินน้อยๆ อย่านอน11.00-13.00 น. หลีกเลี่ยงความเครียด13.00-15.00 น. ห้ามกิน15.00-17.00 น. ออกกำลังหรืออบตัวให้เหงื่อออก17.00-19.00 น. ทำให้สดชื่น อย่าง่วง19.00-21.00 น. ทำสมาธิ21.00-23.00 น. ทำตัวให้อุ่นๆ ไว้23.00-1.00 น. กินน้ำก่อนนอน


"อุทุมพร จามรมาน" ไขข้อข้องใจ ทำไม?? "ม.6" ต้องสอบ "โอเน็ต 8 กลุ่มฯ"
ร่วมส่งประเด็นข่าวที่น่าสนใจ คลิกที่นี่ ข่าวของท่านมีประโยชน์กับผู้อื่นอีกมากมาย
จากกรณีที่สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เตรียมจัดทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ในปี 2551 สำหรับนักเรียน ม.6 หรือเทียบเท่า ได้แก่ คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, ภาษาอังกฤษ, ภาษาไทย, สังคมศึกษาฯ, การงานอาชีพและเทคโนโลยี, สุขศึกษาและพลศึกษา และศิลปะ แต่มีนักเรียนจำนวนหนึ่งไม่เข้าใจเหตุผล และไม่เห็นด้วยกับการสอบเพิ่มอีก 3 วิชา คือ การงานอาชีพฯ, สุขศึกษาฯ และศิลปะ เพราะเข้าใจว่าทั้ง 3 วิชา ต้องสอบเฉพาะการปฏิบัติ ไม่มีเนื้อหาที่จะต้องนำมาทดสอบในการสอบโอเน็ตนั้น นางอุทุมพร จามรมาน ผู้อำนวยการ สทศ.แจกแจงว่าเป็นความเข้าใจผิด เพราะทั้ง 3 วิชา มีการเรียนการสอนทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ จึงสามารถนำเนื้อหาส่วนที่เป็นทฤษฎีของทั้ง 3 วิชามาออกข้อสอบเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้นอกจากนี้ หน้าที่ของ สทศ.ในส่วนของการศึกษาขั้นพื้นฐาน คือ การประเมินคุณภาพระดับชาติในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2544 ที่ให้ผู้เรียนทุกคนที่เรียนปีสุดท้ายของแต่ละช่วงชั้นเข้ารับการประเมินในกลุ่มสาระฯที่สำคัญ และกลุ่มสาระฯอื่น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กำหนด เพื่อนำข้อมูลที่ได้จากการประเมินไปใช้พัฒนาคุณภาพของผู้เรียน และคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษาแต่ละแห่ง โดยผลที่ได้จากการประเมิน โรงเรียนจะนำไปกรอกในระเบียนแสดงผลการเรียน (แบบ ปพ.1) หรือทรานสคริปต์ ในช่องผลการประเมินระดับชาติ และนำคะแนนที่สะท้อนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรวบยอดของนักเรียนในช่วงชั้นที่ 4 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนผลการสอนของครูในแต่ละกลุ่มสาระฯ ครบทุกกลุ่ม ไปวางแผนปรับปรุงการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนรุ่นต่อๆ ไปทุกกลุ่มสาระฯการจัดทดสอบโอเน็ตนั้น รัฐเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดย สทศ.ได้วางแผนของบประมาณการจัดสอบให้ครบทุกช่วงชั้น ทุกกลุ่มสาระฯ ในปี 2554 ดังนี้(ดูตารางประกอบ)ส่วนการนำคะแนนโอเน็ตไปใช้อย่างไร ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใดเป็นเรื่องของผู้ใช้ เช่น ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) นำคะแนน ม.6 ไปพิจารณาเป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา, สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) นำคะแนนไปใช้ประกอบการคิดเกรดของโรงเรียน, โรงเรียนเอกชนนำไปใช้คัดเลือกนักเรียนเข้าเรียนในชั้นที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องของผู้ใช้ไม่เกี่ยวข้องกับ สทศ.นอกจากนี้ โรงเรียนทุกโรงจัดการเรียนการสอนทั้ง 8 กลุ่มสาระฯ ตามมาตรฐานการเรียนรู้ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2544 ตามหลักสูตรแกนกลางที่ ศธ.กำหนด ให้มีเฉพาะมาตรฐานการเรียนรู้ที่จำเป็น สำหรับการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนทุกคน และสถานศึกษาจะต้องนำไปจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา ทำให้นักเรียนทุกคนในช่วงชั้นเดียวกันทั่วประเทศ มีมาตรฐานเดียวกันในแต่ละกลุ่มสาระฯ ดังนั้น การสอบโอเน็ตจึงเป็นส่วนหนึ่งในการตอบคำถามสาธารณชนได้ว่า การจัดการเรียนการสอนทุกกลุ่มสาระฯ เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศและกลุ่มสาระการเรียนรู้ 3 กลุ่มที่จะสอบเพิ่ม ได้แก่ การงานอาชีพและเทคโนโลยี, สุขศึกษาและพลศึกษา และศิลปะ เพราะเข้าใจว่าทั้ง 3 วิชา มีการเรียนการสอนทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ จึงสามารถนำเฉพาะส่วนเนื้อหาความรู้ที่ปรากฏในมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานมาจัดสอบได้ ไม่ได้สอบภาคปฏิบัติแต่อย่างใด
แหล่งที่มา มติชน

ได้ข้อสรุปแล้ว สัดส่วนคะแนน แอดมิชชั่นปี53
ร่วมส่งประเด็นข่าวที่น่าสนใจ คลิกที่นี่ ข่าวของท่านมีประโยชน์กับผู้อื่นอีกมากมาย
จากการประชุมที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ที่ห้องประชุมจำรัส ฉายะพงศ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี นายวันชัย ศิริชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ในฐานะประธาน ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบองค์ประกอบและสัดส่วนที่จะนำมาใช้ ในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ในระบบกลางการรับนิสิต นักศึกษาหรือแอดมิชชั่น ประจำปี การศึกษา 2553 โดยจะใช้คะแนนจากองค์ประกอบ 2 ส่วน คือ
1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประกอบด้วยค่าเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือจีพีเอเอ็กซ์ (GPAX) และคะแนนแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต รวมกันร้อยละ 50 ซึ่งคะแนนโอเน็ตดังกล่าวจะมาจากทดสอบทั้ง 8 กลุ่มสาระวิชา สำหรับสัดส่วนที่จะใช้ได้ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปจัดทำรายละเอียดเอง โดยอาจจะรวมเป็นสัดส่วนเดียวกันก็ได้ แต่หาก สพฐ.ไม่สามารถคำนวณเป็นคะแนนเดียวกันได้ ทปอ.จะคิดสัดส่วนจีพีเอเอ็กซ์ ร้อยละ 20 และคะแนนโอเน็ต ร้อยละ 30
2 คือการทดสอบความถนัด (Aptitude Test) แบ่ง เป็นการทดสอบความถนัดทั่วไป และการทดสอบความ ถนัดเฉพาะสาขาวิชาชีพ รวมร้อยละ 50 ส่วนสัดส่วนที่ จะนำมาใช้ให้แต่ละกลุ่มสาขาวิชา อาทิ วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ นิติศาสตร์ แพทยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ ไปกำหนดร่วมกันอีกครั้ง ทั้งนี้ ยืนยันว่าองค์ประกอบดังกล่าวเป็นมติของ ทปอ.และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดย ทปอ.จะประกาศอย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้ ประธาน ทปอ.กล่าวอีกว่า สำหรับองค์ประกอบแอดมิชชั่นในปี 2551 และ 2552 จะยังคงใช้องค์ประกอบเดิม เพราะถือว่าได้มีการประกาศไปล่วงหน้าแล้ว ส่วนกรณี ของนักเรียนที่จบการศึกษาก่อนปีการศึกษา 2549 หรือ เด็กซิล ซึ่งคะแนนโอเน็ตไม่เป็นไปตามเกณฑ์ของ ทปอ.นั้น เนื่องจากเป็นคนกลุ่มน้อยหากจะมีการปรับองค์ประกอบเพื่อแก้ปัญหาเด็กกลุ่มนีอาจจะกระทบสิทธิของเด็กกลุ่มใหญ่ ดังนั้น ทปอ.จะยังคงยืนยันตามเกณฑ์เดิม แต่จะแก้ปัญหาโดยให้ไปสมัครตรงกับทางมหาวิทยาลัย ซึ่งขึ้น อยู่กับการพิจารณาของมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ขอให้เด็กกลุ่มดังกล่าวติดตามประกาศของมหาวิทยาลัยต่างๆ ส่วนการจัดสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง หรือ เอเน็ต ทปอ. จะประสานกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ว่าจะสามารถจัดสอบเอเน็ตได้หรือไม่ แต่หากไม่สามารถดำเนินการได้ก็จะขอให้เป็นหน้าที่ของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) แต่จะต้องเป็นการจัดสอบให้ครบทุกวิชา ไม่เฉพาะวิชาหลักเท่านั้น แต่การจัดอันดับคณะที่จะเข้าศึกษายังคงให้ สกอ. ดำเนินการ เพราะมีความชำนาญอยู่แล้ว นายวันชัยกล่าวด้วยว่า ในอนาคต ทปอ.มีความเห็นตรงกันว่าจะนำคะแนนคุณธรรมและความดี มาเป็นองค์ประกอบในระบบแอดมิชชั่น โดยจะประสานให้ สพฐ. จัดทำหลักสูตรว่าด้วยคุณธรรมและความดีตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย และให้เก็บสะสมคะแนนมาใช้เป็นองค์ประกอบแอดมิชชั่น โดยเชื่อว่าอย่างน้อยจะทำให้นักเรียนมีสำนึกติดตัวในเรื่องคุณธรรมความดี และรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการดำเนินการมานานแล้ว แต่ไม่มีผลอะไร เนื่องจากไม่ได้นำคะแนนมาใช้ ทปอ.เลยเห็นชอบในหลักการให้นำคะแนนดังกล่าวมาใช้ ทั้งนี้ คงดำเนินการไม่ทันใช้ในแอดมิชชั่นปี 2553 แต่เป็นการโยนหินถามทางก่อนว่าสังคมเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่ง ทปอ.ก็พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นแหล่งที่มา ไทยรัฐ


ศธ.ขานรับองค์ประกอบแอดมิชชั่นปี 53
ร่วมส่งประเด็นข่าวที่น่าสนใจ คลิกที่นี่ ข่าวของท่านมีประโยชน์กับผู้อื่นอีกมากมาย
ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า มติของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ที่ให้ใช้ผลจีพีเอรวมกับผลการสอบโอเน็ต 50% และการทดสอบความถนัด 50% เป็นองค์ประกอบในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ในระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือแอดมิชชั่น ประจำปีการศึกษา 2553 เป็นแนวคิดที่ตรงกับกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) คิดไว้ ซึ่ง สพฐ.ได้วางแผนเรื่องการถ่วงน้ำหนักระหว่างจีพีเอกับผลโอเน็ต และจะรายงานเป็นผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยจะหารือกับสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ ว่าจะรวมคะแนน 2 ส่วนอย่างไร ส่วนแนวคิดจะใช้คะแนนคุณธรรมและความดีมาเป็นองค์ประกอบหนึ่งในแอดมิชชั่นนั้น ตนคิดว่าเรื่องนี้ต้องสร้างเกณฑ์การวัดให้ชัดเจน เรื่องคุณธรรมความดี อาจอยู่ในกลุ่มสาระวิชาที่เรียนอยู่แล้ว หาก ทปอ.จะนำผลของกลุ่มสาระนี้ไปใช้ก็ทำได้ หรือ ทปอ.จะสร้างเกณฑ์ออกข้อสอบวัดคุณธรรม หรือใช้ ระบบการรายงานพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรมที่มีการบันทึกไว้ในสมุดพกนักเรียนก็ทำได้ แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่การจำแนกคุณธรรมใครสูงกว่าใครวัดยาก ส่วนแอดมิชชั่นปีการศึกษา 2551 และ 2552 ที่ไม่ให้ผู้ที่จบการศึกษาก่อนปี 2549 สมัครระบบกลาง แต่ให้สอบตรงนั้นตนเห็นด้วย
ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ผอ.สำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า จากผลการทดสอบโอเน็ตเฉลี่ย 5 วิชา พบว่านักเรียนชั้น ม.6 ที่สอบโอเน็ต ปีการศึกษา 2549 ได้คะแนนเฉลี่ยทั้ง 5 วิชา สูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ กทม. 46.26 จังหวัดภูเก็ต 42.85 นนทบุรี 41.95 สมุทรปราการ 40.85 เชียงใหม่ 40.51 ชลบุรี 39.81 สงขลา 39.67 สมุทรสงคราม 39.30 ราชบุรี 38.99 และแพร่ 38.59 ส่วนจังหวัดที่ทำคะแนนได้ต่ำ 10 อันดับท้าย คือ ปัตตานี 30.65 กาฬสินธุ์ 31.42 หนองบัวลำภู 31.47 นราธิวาส 31.59 ยะลา 31.63 นครพนม 32.01 ชัยภูมิ 32.20 หนองคาย 32.55 มหาสารคาม 32.37 และสระแก้ว 32.37 อย่างไรก็ตาม แม้ 10 จังหวัดที่ทำคะแนนเฉลี่ย 5 วิชาได้สูงสุด แต่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ เพราะคะแนนยังไม่ถึง 50% ดังนั้น สพฐ.ต้องเร่งพัฒนาคุณภาพมาตรฐานเพิ่มขึ้น.
แหล่งที่มา ไทยรัฐ





Bordeaux Travel Guide






Bordeaux is the capital of Gironde department with a population of 660,000 people, this is the largest cities in France and one of the largest in Europe, Bordeaux is an economic, comercial and industrial center, but its principal source is the wine trade, all the wine produced in the Bordelais region is known as Bordeaux wine. In the 5th century the city lost its importance but it was increased again when the city became the seat of the dukes of Aquitaine, the commercial activity also increased during this period.The intellectual reputation of Bordeaux was made by Montaigne and Montesquieu, who were born nearby and who were both magistrates in the city. In the 18th century Bordeaux begun exporting wine to England and the relation between these regions were better. The Third Republic was established in Bordeaux in the National Assembly in 1871. This city was the temporary seat of French Goverment during the World Wars.






Cannes Travel Guide

The city of Cannes is situated at the south part of France in the Riviera region and its population is approximately of 70.000 inhabitants. Cannes is very famous around the world for its Film Festival and also for its Cannes Lions Festival. This is a very luxurious city and has as a principal source the tourism. It is 905 km away from Paris, 164 km from Marseille and 26 km away from Nice. The coast is very visited, the Boulevard de la Croisette is one of the most important attractions for tourists who love beach, sun and sand. La Croisette is a 12 km waterfront avenue with many elegant hotels, caf้s, shops and restaurants around and many palm trees along. Visiting the Mus้e de la Castre is also a good option for seeing impresionant works of art, paintings, sculptures and decorative arts. And if you want to relax visit the ฮles de L้rins (L้rins Islands) nice views and beautiful beaches. If you just take a walk in the streets of Cannes you will find a very friendly atmosphere, the main rues are d’Antibes and Meynardier. You will have a good time at the boutiques and the restaurants are very good, the prices are sometimes expensive depending if the restaurant is located in the waterfront the price'll be a bit more expensive than the other.

เอออ วันนี้เอาสถานที่ท่องเที่ยวมาฝากล่ะ รู้จักกันดีในนามบอกโดว์ น้าน ช่ายล่ะ เมืองที่มีชื่อเสียงมากของฝรังเศส อันนี้เป็นเวอร์ชั่น อังกฤษ ก่องน้า เดวตามด้วยเวอร์ชั่นฝรั่งเศส เออ งั้นวันนี้ แค่นี้ ก่องแล้วกัน เออ น้ไมกไหไลอ่ะ ย้อยเลย เดวไปกินยาและ บาย****************















ไม่มีความคิดเห็น: