วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

Phra Pathom Chedi On coming toward the city, the first glimpse of towering Phra Pathom Chedi is overpowering. It is one of the largest in the world and in Thailand, by far the most holy of all Buddhist structures. Reaching to sky for just half an inch less than 380 feet, the dome shines like pure gold in the sunlight. The highly glazed tiles covering the dome are golden brown in color and were brought from China.
Wat Phra Prathon Chedi Situated in Wat Phra Prathon, 3 kilometers east of the Phra Pathom Chedi, is the second largest Chedi in the area. Its striking feature is the New Prang on a hillock about 20 meters above the ground.
Wat Phra Ngam A short distance away from the Nakhon Pathom Railway Station. Within the precincts of Wat Phra Ngam is a large mole-hill believed to be the base of a large ancient monument about the same age as Phra Pathom Chedi. This Wat was built during the reign of King Rama V (1868-1910).
Wat Phra Meru The main interest is in a large collection of hugh stone Buddha Images(about 5 meters high), the most beautiful of which has been installed at the main shrine hall of Phra Pathom Chedi.
Sanam Chan Palace and Ya-Le Monument This palace was constructed by the command of King Vajirawdh in the year 1907 when he was the Crown Prince of Thailand. It occupies an area of over 888 rai having Phraya Visavakam Silpa Prasit (Noi Silapi) as the designer. It was completed in the year 1911 having many important halls such as Phiman Pathom, Phirom Phakdi, Wachari Romaya, Samakkhi Mukkhamat, etc. In addition there are also many buildings such as Chali Mongkhon At, Thap Kaeo, Thap Khwan, etc. At present all these buildings of Sanam Chan Palace are utilized as the Provincial Hall (the Sala Klang Changwat) of Nakhon Pathom.
For Ya-Le Monument, it is the monument to Ya-Le, a cross breed dog; who was King Vajiravudh's favourite and had always accompanied him. One day Ya-Le was shot dead by an envious man and the king commanded to have a monument constructed as his commemmorative in front of Chali Mongkhon At Building in the compound of Sanam Chan Palace.
Rose Garden (Country Resort & Thai Village Cultural Show) Situated on Phetkasem Road about 32 kilometers from Bangkok. With the area cover 60 acres, it facilitate beautiful lawns, gardens, orchards, a first class hotel with swimming pool, restaurants, children's playground and the world-renowned Thai Village Cultural Show which is presented each afternoon. There are for instance, Thai folk dancing, Thai boxing, cock fighting and swo fighting demonstrations. For more information and reservation, please contact Tel: 2953261.
Samphran Elephant Ground & Zoo Only about 31 kilometers from Bangkok or 1 kilometer before reaching The Rose Gargen, the Samphran Elephant Ground & Zoo offers tourists most spectacular show of handling tropical reptiles skilfully, including the crocodile wrestling show between man and crocodile. The highlight of the place is the exciting "Elephants Theme Show" which perform two times daily. The Shows demonstrate the elephant round-up from the jungle the training of baby elephants, elephants at work and play, elephant racing and the most exciting of all, the Elephant War Parade where both men and beasts are dressed in beautiful costumes. For more information, please contact Tel: 2841873, 2840273.
Phuttha Monthon This is an important Buddhist place of worship occupying an area of 2, 500 rai in the vicinity of Tambon Sala Ya, Amphoe Nakhon Chaisi and Tambon Bang Rathuk Amphoe Sam Phran. Within the compound various types of trees are grown. Replicas of important places concerning Buddhism have been constructed, e.g.,Lord Buddha's places of birth, gaining enlightenment, giving the first preaching sermon, and Nirvana. Additionally, there is also a Buddha image in the attitude of walking name "Phra Si Sakkaya Thotsaphonyan Prathan Phuttha Monthon Suthat" which is considered as the highest in the world (40.688 meters) and is enshrined in the compound.

นักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานล่าสุดว่า ในเขตเป่ยฉวน ของมณฑลเสฉวน ทางตอนกลางของจีนเพียงแห่งเดียว มีผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมามากถึงระหว่าง 3 - 5 พันราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกราว 1 หมื่นคนในเขตนี้
มีรายงานว่ามีเด็กนักเรียนเสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บอีกมากกว่า 100 คน โดยในจำนวนนั้น 2 คนมีอาการสาหัสหลังโรงเรียนประถมในเมืองตูเจียงเหยียน พังลงมา ขณะที่เด็กอีกราว 900 คนยังคงติดอยู่ใต้ซากหักพังของโรงเรียน และก็ยังไม่มีใครทราบชะตากรรมของเด็กเหล่านี้
นอกจากนั้นก็ยังมีรายงานการเสียชีวิตของผู้คนในเขตอื่นๆอีกหลายเขต รวมทั้งการเสียชีวิต 10 ราย และบาดเจ็บ 14 คนที่มณฑลกานซู ซึ่งอยู่ติดกับเสฉวน
แรงสั่นสะเทือน ก่อให้เกิดความเสียหายในวงกว้างกับอาคารบ้านเรือนและถนนหนทางใกล้กับศูนย์กลางการสั่นสะเทือน ที่มีประชาชนอยู่อาศัยราว 1 แสน 1 หมื่นคน ขณะที่สนามบินเฉิงตู ต้องปิดให้บริการ ระบบไฟฟ้า ประปา และการสื่อสาร มีปัญหาอย่างหนัก
ปัจจุบันมีการส่งหน่วยกู้ภัยเข้าไปให้ความช่วยเหลือแล้ว แต่ปัจจุบันยังไม่มีรายละเอียดเนื่องจากระบบการสื่อสารล่ม หลังทราบข่าว ประธานาธิบดี หู จิ่น เทา ของจีน สั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าดูแลผู้บาดเจ็บโดยเร็ว โดยบอกว่าชีวิตผู้คนสำคัญที่สุด ขณะที่นายกรัฐมนตรีเหวิน เจีย เป่า ก็เดินทางไปยังศูนย์กลางการสั่นสะเทือนทันที และบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้น เรียกได้ว่าเป็นความวิบัติ แต่เรียกร้องให้ประชาชนตั้งอยู่ในความสงบ ด้านกองทัพก็ส่งทหารเข้าไปสนับสนุนการบรรเทาทุกข์
แรงสั่นสะเทือนยังทำให้อาคารหลายหลังในกรุงปักกิ่งที่อยู่ห่างออกไปถึง 1,500 กิโลเมตรสั่นไหวนานกว่า 2 นาที ประชาชนหลายพันต่างวิ่งหนีออกจากอาคารสูง และผู้คนมากมายก็ไม่กล้ากลับเข้าไปในอาคาร หลังจากแผ่นดินไหวหยุดไปแล้วนานถึงครึ่งชั่วโมง แต่ไม่มีรายงานความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินที่นี่
เหตุแผ่นดินไหวที่เขตหุบเขาทางตอนกลางของจีน ขนาดความรุนแรง 7.8 เกิดเมื่อเวลา 14.28 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 13.28 น. ตามเวลาไทย โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 10 กิโลเมตร ห่างจากเมืองเฉิงตูในมณฑลเสฉวนราว 92 กิโลเมตร หลังจากนั้นไม่นาน ก็ยังมีอาฟเตอร์ช็อคใหญ่ขนาดความรุนแรง 6 และ 5.4 ตามมาอีก 2 ครั้งแรงสั่นสะเทือนครั้งนี้ สามารถรู้สึกได้แทบทุกส่วนของประเทศจีน
กรุงไทเปของไต้หวันซึ่งห่างจากจีน 160 กิโลเมตรก็สามารถรับรู้แรงแรงสั่นสะเทือนได้เช่นเดียวกับฮ่องกงและกรุงฮานอยของเวียดนาม ทำให้ชาวเวียดนามจำนวนหนึ่งตื่นตกใจวิ่งออกจากอาคาร มีรายงานว่า ปากีสถานก็รับรู้ถึงเรื่องสั่นสะเทือนด้วยเช่นกัน

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548
Newsเดอะเนชั่นกรุงเทพธุรกิจคม-ชัด-ลึกเนชั่นสุดสัปดาห์ทีวี + วิทยุเนชั่นแชนแนลเนชั่นเรดิโอหางานเนชั่นอีจ๊อบส์วัยรุ่นเนชั่นจูเนียร์เนชั่นคอมิกส์ท่องเที่ยวไทยแลนด์ดอทคอมซื้อคอมพิวเตอร์คอมเซฟวิ่งเนชั่นกรุ๊ป

แผ่นดินไหวจีน ตาย 14 เจ็บ 400 อพยพนับแสน
แผ่นดินไหวจีนตาย 14 เจ็บเกือบ 400 เผยบ้านเรือนกว่า 8 พันหลังพังทลาย ประชากรนับแสนอพยพออกนอกบ้าน ผวาถล่มซ้ำ พบศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ใกล้เมืองเจ้อเจียง ขณะที่ไต้หวัน-เกาะครีเต ประเทศกรีซ เจอแผ่นดินไหวระดับปานกลาง โชคดีไม่มีใครบาดเจ็บล้มตาย
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวในมณฑลเจียงซีของประเทศจีน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีคนตายอย่างน้อย 14 คน บาดเจ็บกว่า 370 คน บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างกว่า 8 พันหลังพังทลาย ขณะเดียวกันที่ไต้หวัน และกรีซ ได้ประสบกับเหตุการณ์ธรณีพิโรธเหมือนกัน แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย
ทั้งนี้สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของจีนรายงานว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.49 น. หรือในเวลา 07.49 น. ตามเวลาในไทย ที่มณฑลเจียงซีทางตะวันออกของจีน ซึ่งใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน บาดเจ็บกว่า 370 คน ซึ่งอาคารบ้านเรือน และสิ่งปลูกสร้าง 8,072 หลังได้พังทลาย อย่างไรก็ตามเหตุแผ่นดินไหวในครั้งนี้สามารถวัดความแรงได้ 5.7 ริคเตอร์
อย่างไรก็ตามเครือข่ายสังเกตการณ์แผ่นดินไหวแห่งชาติจีน ระบุว่าธรณีพิโรธครั้งนี้สามารถรู้สึกได้ในเมืองอุตสาหกรรมใหญ่ๆ หลายเมืองที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร รวมถึงเมืองวูฮั่น และเมืองฉางซาในมณฑลหูหนาน ที่อยู่ห่างออกไป 300 กิโลเมตร โดยศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ใกล้เมืองเจ้อเจียง ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 5 แสนคน และเป็นจุดที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม
สำนักธรณีวิทยาสหรัฐรายงานว่า ธรณีพิโรธเกิดขึ้นใต้พื้นดินประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งนับว่าตื้นและโดยทั่วไปจะก่อให้เกิดความเสียหายมากกว่าแผ่นดินไหวในระดับลึกจากพื้นดิน โดยธรณีพิโรธที่เกิดขึ้นในแคว้นแคชเมียร์ของปากีสถานเมื่อต้นเดือนตุลาคมก็เกิดขึ้นในระดับตื้นเช่นกัน
ทั้งนี้จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนที่อยู่ในเมืองเจ้อเจียง รายชาง และวูเซตาต่างพากันออกจากบ้านเรือน โดยเฉพาะประชาชน 4.2 แสนคนในเมืองรายชางยังพากันออกจากบ้านเรือน เพราะเกรงจะมีแผ่นดินไหวระลอกใหม่ตามมา ซึ่งในเวลา 12.55 น. ก็ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อก หรือแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่ค่อนข้างแรงตามมาด้วย
เวบไซต์ซินาดอทคอมอ้างคำกล่าวของนายเกา เจียงกั๋ว ผู้เชี่ยวชาญแผ่นดินไหว ที่ระบุว่าพื้นที่ประสบเหตุไม่ได้เป็นพื้นที่ที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยนัก เพราะแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นในมณฑลเจียงซีคือเมื่อปี 2530 ด้วยความแรง 5.5 ริคเตอร์ และธรณีพิโรธครั้งล่าสุดนี้มีความรุนแรงที่สุดตั้งแต่ปี 2492
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันเกิดแผ่นดินไหวความแรง 5.1 ริคเตอร์เขย่าไต้หวัน เมื่อเวลา 11.20 น. หรือเวลา 10.20 น. ตามเวลาในไทย แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย โดยแผ่นดินไหวมีศูนย์กลาง 8 กิโลเมตร ทางเหนือของ ต.เฉินคุง ในเมืองไถตง ทางตะวันออกของไต้หวัน และอยู่ลึกลงไปใต้พื้นดิน 20 กิโลเมตร
นอกจากนั้น เมื่อเวลา 06.51 น. หรือเวลา 11.45 น. ตามเวลาในไทย ยังเกิดแผ่นดินไหวระดับปานกลาง ความแรง 4.3 ริคเตอร์ ทางตอนใต้ของเกาะครีเต ซึ่งเป็นเกาะใหญ่สุดของกรีซตั้งอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
http://www.komchadluek.net

วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

How are you today ? I am fine. Next week my school in Thailand open. I will ask my teacher about Okahoma. I thing In Oklahoma is beautiful town. It has many tree and flower. I see picture in Internet. Yes I love it. Would you tell me about people life in Oklahoma? I thing people is nice for you. Today I serch information about Hight school in Oklahoma. It very bigger than my school in Thailand. I thing Leaning in hight school is difficult for me. I thing may be I not understand about lesson. Can you help suggest me? about my home work of hight school. I want to know when you back home after you finish your work ? On weeked what are you doing? I hope I will enjoy with you. I am sorry to you when I call to you sometime I dont understand about you tell me? I will pratice more English.
Good nice

soy

วันอังคารที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

Yes. now I am long hair. but I am going to cut my hair. because In Thailand is so hot. however when I go to USA I may be shot hair. Can you tell me when you don"t work ? I guest you don"t work on weeked. May be I will call to you on weeked. I can tell you I like to eat everthing; especially cheese. I afraid fat when I live in Oklahoma. ^_^ I hear from my friend that she tell me about food in USA is delicious. Ok. Today I show you my picture That my mom and I That I study grad 10. we take a photo on Mather Day. that day we are so happy. I will write to you agains.

วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

Songkran is a Thai traditional New Year which starts on April 13 every year and lasts for 3 days. Songkran festival on April 13 is Maha Songkran Day or the day to mark the end of the old year, April 14 is Wan Nao which is the day after and April 15 is Wan Thaloeng Sok which the New Year begins. At this time, people from the rural areas who are working in the city usually return home to celebrate the festival. Thus, when the time come, Bangkok temporarily turns into a deserted city.
Songkran is a Thai word which means "move" or "change place" as it is the day when the sun changes its position in the zodiac. It is also known as the "Water Festival" as people believe that water will wash away bad luck.
The Songkran tradition is recognized as a valuable custom for the Thai community, society and religions. The value for family is to provide the opportunity for family members to gather in order to express their respects to the elders by pouring scented water onto the hands of their parents and grandparents and to present them gifts including making merits to dedicate the result to their ancestors. The elders in return wish the youngsters good luck and prosperity.
The values for community is to provide the opportunity to create unity in the community such as to jointly acquire merits, to meet each other and to enjoy the entertaining events. And for the society value is to create concern upon environment with cooperation such as to clean houses, temples, public places and official buildings. Thais value the religion bye means of merits acquisition, offerings alms to monks, Dhamma Practice, listening to sermon and monks-bathing.
In the afternoon, after performing a bathing rite for Buddha images and the monks, the celebrants both young and old, joyfully splash water oon each other. The most-talked about celebration takes place in the northern province of Chiang Mai where Songkran is celebrated from April 13 to 15. During this period, people from all parts of the country flock there to enjoy the water festival, to watch the Miss Songkran Contest and the beautiful parades.

"สงกรานต์"คือ วันขึ้นปีใหม่ ตามประเพณีไทย และเป็นโอกาสที่ สมาชิกในครอบครัว จะได้ พบกัน พร้อมหน้าพร้อมหน้า ในช่วงเวลานี้ ประชาชนผู้ซึ่ง เป็นคนต่างจังหวัด ที่มา ทำงานใน กรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่ ก็จะเดินทางไป ฉลองเทศกาลนี้ ที่บ้านเกิดของตน ดังนั้น เมื่อเทศกาลนี้ มาถึงกรุงเทพมหานคร ก็จะกลายเป็นเมืองร้างไปชั่วคราว
เทศกาลสงกรานต์ ตรงกับวันที่ 13 เมษายนและ การฉลอง ประจำปี ก็จะ จัดให้มี ขึ้นทั่ว ทั้งราชอาณาจักร ที่จริงแล้วคำว่า" สงกรานต์" นี้เป็น ภาษาไทย ซึ่งหมายถึง "เคลื่อนย้าย" หรือ เปลี่ยนที่ เพราะว่า เป็นวันที่ พระอาทิตย์ เปลี่ยนตำแหน่ง ในการจักรราศี นอกจากนี้ ยังเรียกว่า"เทศกาลน้ำ" อีกด้วย เพราะว่า ประชาชน เชื่อว่าน้ำ จะพัดพา เอาสิ่งที่เป็น อัปมงคล ออกไป
วันขึ้นปีใหม่ ตามประเพณี ของไทยนี้ เริ่มต้นแต่เช้าตรู่ ด้วยการทำบุญตักบาตร แก่พระสงฆ์ และ ปล่อยนก ที่ขังไว้ให้เป็นอิสระ ในช่วงวาระโอกาส อันเป็นมงคลนี้ สัตว์ต่างๆ ที่ถูกขังไว้ก็จะ ได้รับการปล่อยให้เป็นอิสระ การทำบุญตักบาตร ถือเป็น การสร้างบุญกุศล ให้ตัวเอง และ อุทิศส่วนกุศลนั้น แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว หลังจากทำบุญแล้ว จะมีการ ก่อพระทรายเข้าวัด ถือเป็นกุศลอย่างมาก ดังเช่น ภาคเหนือ มักนิยมขนทรายเข้าวัด เพื่อเป็น นิมิตโชคลาภ ให้มีความสุข ความเจริญ เงินทองไหลมาเทมา ดุจทรายที่ ขนเข้าวัด ส่วนการปล่อยนก ปล่อยปลา ถือเป็นการล้างบาป และ สะเดาะเคราะห์ให้ร้าย ให้หมดสิ้นไป มีแต่ ความสุขความเจริญ
พร้อมกันนี้ การไหว้บรรพบุรุษ ก็เป็น ส่วนสำคัญ ของวันนี้ด้วย ประชาชน จะแสดงความเคารพ ต่อผู้สูงอายุ และ ในทางกลับกัน ผู้สูงอายุ ก็จะอวยพรให้ ผู้น้อยประสบโชคดี และ เจริญรุ่งเรือง ในตอนบ่าย หลังจาก พิธีสรงน้ำ พระพุทธรูป และพระสงฆ์ แล้วผู้ร่วมฉลอง ทั้งหนุ่ม และแก่ ต่างสาดน้ำ ใส่กัน อย่างสนุกสนาน การฉลองที่มี คนกล่าวขานกัน มากที่สุด เห็นจะเป็นที่ จังหวัด ทางภาคเหนือ คือ เชียงใหม่ ซึ่งการฉลองที่นี่ จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13- 15 เมษายน ช่วงเวลาที่ ประชาชนจาก ทั่วทุกภาค ของประเทศ จะแห่กันไป ที่นั่น เพื่อร่วมสนุกสาน ในเทศกาลน้ำนี้ เพื่อชม การประกวดนางงาม สงกรานต์ และ ขบวนพาเหรด ที่สวยงาม

วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2551


กุมภาพันธ์ 2550
จบ ม.5
เริ่มเรียนพิเศษ
อุ๊ตอน 7.30-10.00
อรรณพ 13.00-16.00
(คอร์สเอนท์ทั้งหมดนะ)
- - -
มีนาคม 2550
เรียนพิเศษทั้งเดือน
สยามคือบ้าน พารากอนคือที่นอน
//
อยากบอกน้องๆว่าช่วงเวลาปิดเทอมขึ้น ม.6
เป็นช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดสำหรับการเตรียมเอนท์
เพราะเป็นช่วงเวลาที่เราว่าง เราพร้อมจะทุ่มเทอย่างเต็มที่
น้องไหวแค่ไหน ทำให้สุดๆไปเลยในช่วงนี้
แต่ระวังเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพจิตของตัวเองด้วยนะ
สำหรับพี่ คิดว่า แค่เรียนให้ get ทุกประเด็นที่ผู้สอนพูดออกมา
แล้วก็ทำการบ้านให้ครบในแต่ละวัน โดยเข้าใจในสิ่งที่โจทย์พยายามจะถาม
ไม่ใช่ว่าจำมาตอบ
อย่าให้ดินพอกหางหมู อย่าโดดเรียนถ้าไม่จำเป็นจริงๆ แค่นี้ล่ะ
//
my mistakes
- ไม่เคยตื่นทันไปเรียนอุ๊ 7.00 ไปหลังแปดโมงเป็นประจำ
- หลงผิดคิดว่าตัวเองเก่งเคมี ทำให้ไม่ฟังอาจารย์อุ๊ ทำให้การเรียนเคมีไม่ได้ผลเพิ่มขึ้นเลย
แต่มาทำแบบฝึกหัด ทำโจทย์เท่านั้น
// เดือนนี้มีงานปัจฉิมของรุ่นพี่
รู้ผลหมอของรุ่นพี่ พี่รหัสที่รักยิ่งได้ศิริราช
ทำให้รุสึกว่าตัวเองน่าจะพยายามเพื่อให้สำเร็จอย่างพี่เค้าบ้าง
- - -
เมษายน 2550
เดือนนี้ก็เรียนพิเศษทั้งเดือน
สงกรานต์ก็อุดอู้อยู่กรุงเทพ
แถมตารางเรียนก็ยังแน่นขึ้น
เพราะมี enconcept คอร์สเอนท์ เพิ่มเข้ามาตอน 17.30-21.00
โชคดีที่หอเราเดินถึง enconcept สยามดิส
//
แต่รู้สึกได้นะว่าช่วงนี้ตัวเองค่อนข้างฟิต
ทำโจทย์ 15 พ.ศ. วิชาเลขกับเคมีจบไป 1 รอบ
ได้คะแนนอยู่ในเกณฑ์รับได้
//
my mistakes
- ตัดสินใจโดดอุ๊ไปเลย เพราะคิดว่ารู้เรื่องอยู่แล้ว
- ลงคอร์สดึกเกิน บางทีอาจจะเกินกำลัง
- ความที่หอต่อเน็ตได้ บางครั้งก็เสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ
- ทำโจทย์เพื่อรู้เพียงว่า ตัวเองจะได้กี่คะแนน ทำให้ไม่ค่อยได้อะไรจากการทำโจทย์ครั้งนี้
ที่ถูกคือ ต้องวิเคราะห์ด้วยว่าโจทย์ถามอะไรเรา แล้วทำไมเราจึงตอบอย่างนี้
//
เมื่อ enconcept ปิดคอร์สลง
ทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดือนมีนาคม
พี่ยังคงทำการบ้านอุ๊และอรรณพทุกวัน
//
ปลายเดือนนี้ อุ๊กับอรรณพปิดคอร์ส
- - -
พฤษภาคม 2550
- เริ่มเรียน applied คอร์สเปิดเทอม
- ดาว้องก์คอร์ส intensive เปิดคอร์ส
- รู้ห้องเรียน ม.6 ได้อยู่คิงตึกสาม
- เปิดเทอม ได้เป็นหัวหน้าห้องโดยไม่เต็มใจ
- สมัครสอบ smart-I ครั้งแรกของปี
- - -
มิถุนายน 2550
- สอบ smart-I
- เริ่มเรียน ม.6 อย่างจริงๆจังๆ (ซักที)
- ร.ด. เปิดคอร์ส - -''
//
ช่วงเดือนนี้ก็ทำโจทย์ 15 พ.ศ. วิชาอังกฤษจบ แต่ก็ไม่ได้ดูเหตุผลว่าทำไม
ทำโจทย์ anet ปี 50 ด้วย
ได้คะแนนอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้
//
ผล smart ครั้งแรกประกาศ
ได้คะแนน 70.65 ซึ่งก็คงติดบัญชี 5 ปีได้
- - -
ก.ค. 50
- สอบซัม ม.6 คะแนนก็โอเค ไม่ดีไม่เลว
- ค่ายผู้นำ (ใช่เดือนนี้ป่าววะ)
//
my mistakes
- อ่านหนังสือแค่ 5 วันก่อนสอบซัม
สังคมและภาษาไทยยังคงใช้วิธีตื่นมาอ่านตอนตีสามของวันก่อนสอบอยู่เหมือนตอน ม.5
- เสียเวลาไปกับ harry potter เล่ม7
- เล่นเน็ตเยอะเกินไป โต้รุ่งบ่อยครั้ง
- ช่วงสอบซัมโดดเรียนพิเศษรัวมากๆ เป็นอะไรที่น่าเสียดายที่สุด
อยากบอกน้องว่า แม้ว่าจะเป็นวันเพิ่งสอบเสร็จ น้องก็ไม่ควรโดด
ถ้าหาวันชดไม่ได้
- เรียนดาวองก์จดแต่สิ่งไร้สาระ การบ้านก็ไม่ทำ
- - -
ส.ค. 50
ช่วงหลังซัม มรสุมงานเข้า
ปั่นงาน เปิดเน็ต แล้วก็งานไม่เสร็จซะที
เริ่มทำโจทย์เอนท์ฟิสิกส์ (โดยที่ไม่ได้อ่าน)
คะแนนไม่ค่อยน่าพอใจ
- สมัครสอบวิชาเฉพาะแพทย์ เลือกคณะอย่างบ้าคลั่ง
(จุฬา ศิริราช รามา) แต่สุดท้ายก็รู้สึกว่าถูกต้องแล้วที่เลือกไปแบบนี้
- สอบ smart-I รอบสาม
- - -
ก.ย. 50
- คะแนน smart-I ออก คราวนี้คะแนนดีเว่อร์
- สอบไฟนอล อ่านหนังสือแค่ 2 วัน กะจะทิ้งเกรด
- ปิดเทอม มีชดเชยดาวองก์ จัดตารางไม่ดี พลาดหลายม้วน
- เรียนตะลุยโจทย์เลขที่ oplus
- ทำโจทย์ entrance ข้อที่คิดว่าโรคจิต
- พยายามเริ่มต้นอ่านชีวะเล่มพี่เต๊น แต่ก็ล้มเหลว
- ทำโจทย์ฟิสิกส์ 15 พ.ศ. เสร็จ
- - -
ต.ค. 50
- เกรดออก แปลกใจระคนปลาบปลื้มที่ได้สี่จุดศูนย์ ๆ
- สอบความถนัดวิศวะ และความถนัดครูอย่างงงๆ
- เรียนพิเศษคอร์สตะลุยโจทย์
- เรียนดาวองก์ชดเชยอย่างบ้าคลั่ง (8.00-21.00)
- พยายามอ่านชีวะ แต่ก็ยังคงไม่สำเร็จ เลยอ่านเคมีแทน
- สมัครสอบทุน การเลือกหน่วยทุนในเวลาสองนาทีทำลายอนาคตเรา TT
แนะนำว่าให้เลือกอันที่อยากได้จริงๆ
ไม่ก็เลือกอันที่ไม่คิดว่าจะได้... เช่นเลือกคิงกับ ปตท.
เพราะถ้าได้อันที่ไม่อยากได้ มันจะลำบากใจจริงๆนะ
- - -
พ.ย. 50
- เปิดเทอม 2 กีฬาสีเริ่มต้นขึ้น
- 228 ขึ้นสแตนด์เชียร์ ซ้อมเชียร์ทุกวัน
- รู้สึกดีใจที่ไม่ต้องเป็นประธานคัตเอาท์
- อ่านหนังสือเตรียมตัวสอบทุน (เล็กน้อย)
- สอบความถนัดแพทย์
- ผลความถนัดออกวันลอยกระทง คะแนนไม่ค่อยดีเท่าไร เลยลอยมันทิ้งไปที่จุฬา
//
เดือนนี้เป็นเดือนแห่งกีฬาสี
เราแทบจะไม่ได้อ่านหนังสือเลย
อยู่ที่โรงเรียนก็ไม่ค่อยจะได้เรียนสักเท่าไร
แม้ว่าเวลาจะงวดเข้ามาใกล้แล้ว
แต่ตอนนั้น ก็ยังคงใช้ชีวิตแบบเดิมๆ
ยังคงเล่นเน็ตบ่อยๆ
ความรู้ ความพร้อมไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเดิมแม้แต่นิดเดียว
//
แต่ถึงตอนนี้ ก็ไม่เสียดายนะ
ที่เอาเวลาไปเต็มที่กับกีฬาสี
//
- - -
ธ.ค. 50
- ผลความถนัดแพทย์ออก รู้ตอนเช้า คะแนนอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้
- สอบทุน ข้อสอบยากมาก (เลขกับวิทย์)
ไทยสังคมเขียนกันมือหงิก ส่วนอังกฤษก็มั่วๆเอาเหมือนเคย
- สอบซัมของโรงเรียน อ่านหนังสือน้อยลงกว่าเดิมอีก (1 วันก่อนสอบ)
คะแนนออกมาโอเค รับได้
- - -
ม.ค. 51
- ปีแห่งการเริ่มต้นใหม่
- เริ่มอ่านเคมีบทที่ท่องจำ
- พยายามอ่านชีวะ ม.4-6 แต่ก็ไม่สำเร็จซักที
- เริ่มทำโจทย์ไทยสังคม ของ อ.ปิง พยายามอ่านเนื้อหาสังคม แต่รู้สึกว่าน่าเบื่อ
- เริ่มโดดเรียนไป tk แต่ไม่ได้อะไรจากที่นั่น - -''
- ประกาศผลทุน ดันติดสัมภาษณ์ทั้งสองทุน เสียเวลาเตรียมตัวสัมภาษณ์ไปสองอาทิตย์
- แทบจะคุยโทรศัพท์ถึงตีสองทุกคืน
"กุลืมเลื่อนเก้าอี้อ้ะ เค้าจะให้กุผ่านสัมภาษณ์มั้ย"
- วางแผนว่าเดือนหน้าจะอ่านอะไรบ้าง แต่ทำตามแผนได้สองวันก็ล่ม
- - -
ก.พ. 51
- อ่านหนังสือเตรียมสอบ onet
- ประกาศผลทุน สัมภาษณ์ทุนกระทรวงวิทย์ผ่าน
- สอบไฟนอลที่โรงเรียน คราวนี้อ่านหนังสือวันเดียวเหมือนเคย
คืนก่อนสอบก็ยังเปิดเน็ตเล่นอยู่ - -'' แต่ก็พยายามเปิดๆหนังสือดูบ้าง
ฟิสิกส์กับเคมีโหดมาก วิชาอื่นเฉยๆนะ
- ปิดเทอมแล้ว พยายามอ่านสรุปชีวะและฟิสิกส์
เริ่มยอมรับชะตากรรมว่า ได้เท่าที่ได้ สุดท้ายก็อ่านไม่จบ
- เสียเวลาไปกับการรายงานตัวและสอบ toefl เรื่องทุน (2 วัน)
- วันก่อนสอบ onet ไปเล่นที่คอนโดกษม ให้มันติววิทย์ onet ให้
ปรากฎว่าไม่ออก 55+
- - -
มีนาคม 51
- สอบ onet ความรู้สึกคือ ชิว... พอได้.. ไม่เครียดมาก
- ช่วงว่างระหว่าง onet กับ anet ต้องไปทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกะทุน เสียเวลาไปอีก
- เกรดออก ได้ 3.96 เสียไปเพราะเผด็จ (เพราะไม่ส่งงานตะหาก - -'')
- เลิกอ่านเลขและเคมี พยายามอ่านฟิสิกส์กับชีวะ ส่วนอังกฤษเกือบจะทิ้งไปเลย
- ไทยก็อ่าน mini thai book อีกรอบนึง
- สอบ anet ด้วยความรู้สึกชิว แต่เครียดตอนออกจากห้องสอบเลขกับวิทย์
- สิ้นสุดการเดินทาง
- ทะเลาะกับมะม้าเรื่องทุนกระทรวงวิทย์
เถียงกันเกือบทุกวัน
- เที่ยว 3 trips กับ 3 ห้อง และ 1-day trip หลายอัน
- ใช้เงินเปลืองโคดๆ 55+
- ปัจฉิมและงานพรอม
- - -
เมษายน 51
- รอผล anet ออก
- รู้ผล anet ตอนอยู่บนรถบัส เห็นคะแนนแล้วค่อนข้างใจชื้น
- ผล onet ออกมา อยู่ในเกณฑ์รับได้
- ประกาศผลหมอ ก็ติดหมอจุฬาตามคาด (หลังจากคะแนน anet ออก)
- ไป รพ จุฬา ครั้งแรกในชีวิต
- ตอนนี้กำลังเครียดเรื่องหาหอพัก ที่ไหนๆ ก็เต็ม TT
- - -
อันนี้เป็นบันทึกที่พยายามเค้นออกจากความทรงจำ
รู้สึกว่าเราจะลืมๆอดีตอันโหดร้ายไปหมดแล้ว 55+
แต่ปีที่ผ่านมา ก็เป็นปีหนึ่งที่เรามีความสุขนะ
เราอาจจะไม่เต็มที่ในบางช่วง แต่ผลลัพท์ออกมาดี
สมหวังทุกอย่างที่ต้องการ
ก็โอเคแล้ว จริงมะ...



ทุกคนอย่าพึ่งตกใจ เพราะที่เล่ามาไม่ใช่ตัวสร้อยเล้ย พอดีเราไปเจอมา เป็นประสบการณที่เราเห็นว่าสุดยอดมาก สำหรับเส้นทางการเป็นแพทย์

นี่เป็นตัวอย่างของเด็กเตรียมอุดม ที่ตอนี้ ติดแพทย์ไปแล้ว เค้าอาจจะเรียนพิเศษเยอะมากน่ะ แต่เราว่า เค้าตั้งใจและมุ่งมั้นจริงๆ เราเห็นเค้าอ่านแล้วขนลุกเลย

สุดยอดมากๆ เห็นแล้วอยากทำอย่างเค้าบ้าง เฮ้อ*-*

วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2551


Songkran (thaï สงกรานต์) est le nom thaïlandais de la fête du nouvel an bouddhique. Propre au Bouddhisme theravāda et basée sur le calendrier lunaire, elle est fêtée également en Birmanie (Thingyan), au Cambodge, au Laos (Pimay) et chez les Dai du Yunnan.
En Thaïlande, les réjouissances attachées à cette fête, originellement mobiles, sont désormais fixes afin de faciliter la vie civile : elles ont lieu tous les ans du 12 au 15 avril, mais suivant les villes, les dates peuvent varier. Cependant, la date exacte du nouvel an est toujours tributaire du cycle lunaire. Elle correspond aussi à la période la plus chaude de la saison sêche.

สงกรานต์ เป็นประเพณีปีใหม่ของประเทศไทย ลาว กัมพูชา พม่า ชนกลุ่มน้อยชาวไตแถบเวียดนามและมณฑลยูนนานของจีน ศรีลังกาและทางตะวันออกของประเทศอินเดีย สงกรานต์เป็นคำสันสกฤต หมายถึงการเคลื่อนย้าย ซึ่งเป็นการอุปมาถึงการเคลื่อนย้ายของการประทับในจักรราศี หรือคือการเคลื่อนขึ้นปีใหม่ในความเชื่อของไทยและบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวต่างประเทศเรียกว่า "สงครามน้ำ

วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2551

Dear Host Family
Hello *+* May I introduce myself to you ? My name is Petcharat Maneenut. My nick name is SoY ( This Thai mean necklace)
I was born on 1st February 1998 ,17 years old. I was born and grown in Nakhon Pathom which is in the central part of Thailand. It takes only about 1 hour from my home to Bangkok (the capital city )
I am sorry to You That I sant late E-mail Because I am learning summer course in school now. I hope you read my history ready. I admit that I might not good at about English but I wish that My Host Family can help for me throughout conversation and learnind every thing in USA. I forget to tell you ; I haven't seen to USA so I am very excited to meet you and society in Hokrahoma. My family is small,there are 3 person; Papa Mama and me ; yes! I was single daughter. My father and mother are teachers in college. My dad and mom are very kind. They are take care for me everything. The most important activity of my family is having dinner together on weekday Especially My mom and I love to shopping on weekend. My characteristic ; I am talkative,generous,friendly and has a lot of sense of humor. I am enthusiastic and learn new things around me The reason why I would like to be go to USA. Ok. this is a first letter for you certainly I will write to continue a letter then I might connect to you by telephone soon
Finally, I hope that you connect with me by E-mail too so I am looking forward to respond of your

Best regard, soy

หวัดดี พี่น้อง หายหน้ากันไปนานมากๆๆ

พึ่งกลับมาเนี่ย แหะๆ พอดี ดาว้องปิดสงกรานต์ ได้กลับบ้านยะฮู้ ข้างบนเป็นจดหมายที่เราขียนถึงโฮส อาจจะผิดบ้าง เราว่าไม่บ้างล่ะ เยอะเลย อืม แต่ก็พยายามแล้วน่ะ คิดถึงเพื่อนมากมาย

วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2551


สวัสดีๆๆ เย้ๆ ในที่สุดก็ได้กลับบ้าน 55+ ไปไหนมาหรอ เปล่าหรอกก็เดี๋ยวนี้ เรียนอย่างเดียวเลย เช้า เรียน เดอะเบรน เลขกับวิทย์โอเน็ต โอ้แม่เจ้า ไปเร็วมาก แต่ก็ดีอ่ะน่ะ คือเค้าก็รวมมาหมดแล้วล่ะน่ะ ที่จะสอบโอเน็ต ก็จะว่ายากก็ยาก ง่ายก็ง่ายล่ะ อืมต่อ พอบ่ายก็เรียนอังกฤษ โอ้โฮ แทบคลั่ง เรียนที่ อีซีซีไง ก็อาจารย์ฝรั่ง ล่ะ โชคดีด้วย มาจากฝรั่งเศส เราน่ะ อยากคุยมาเลยล่ะ แต่เฮ้อ เราฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเลย เศร้าอ่ะ อ่ะ ต่อๆ ตอนเย็นเรียนดาว้อง มันพ่ะย่ะค่ะ ฮ่าล่ะ อืม เป็นการเรียนไทยกับสังคมที่สุดยอดเลย อืมจบ ทั้งวันเราเรียนตั้งแต่ 7.35 - 20.00 กลับบ้าน ถึง 3 ทุ่ม มันส์จิงๆ 55+ เรียนทุกวัน

ประวัติ
เชื่อกันว่ากาแฟถูกค้นพบครั้งแรกโดยเด็กเลี้ยงแพะชาวอาบิสซีเนีย (ประเทศเอธิโอเปียในปัจจุบัน) ชื่อคาลดี จากการสังเกตพบว่า แพะดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นเมื่อกินผลไม้สีแดงของต้นไม้ต้นหนึ่ง ซึ่งก็คือต้นกาแฟนั่นเอง ในช่วงก่อนศตวรรษที่ 16 กาแฟถูกปลูกโดยชาวอาหรับเท่านั้น คำว่ากาแฟ เป็นคำที่มาจากคำว่า "เกาะหฺวะหฺ" ในภาษาอาหรับ แล้วเพี้ยนเป็น กาห์เวห์ ในภาษาตุรกี ก่อนที่จะกลายเป็น คอฟฟี ในภาษาอังกฤษ และกาแฟ ในภาษาไทย ชาวอาหรับหวงแหนพันธุ์กาแฟมาก จึงส่งออกเฉพาะเมล็ดกาแฟที่คั่วสุกแล้วเท่านั้น แต่ในที่สุดเมล็ดกาแฟก็ออกมาสู่โลกกว้าง โดยการลักลอบนำออกมาโดยชาวอินเดียที่ไปแสวงบุญที่เมกกะ และก็ได้แพร่ขยายไปยังชวา เนเธอร์แลนด์ และทั่วยุโรปในที่สุด สำหรับทวีปอเมริกานั้น ต้นกาแฟถูกนำไปอย่างยากลำบาก โดยทหารเรือฝรั่งเศสในต้นศตวรรษที่ 18 ในครั้งแรกนั้น มีต้นกาแฟที่เหลือรอดชีวิตบนเรือมาขึ้นฝั่งอเมริกาได้เพียง 1 ต้น และก็ได้แพร่ขยายเพิ่มขึ้น จนปัจจุบันดินแดนแห่งนี้ ได้กลายเป็นดินแดนที่ปลูกกาแฟมากที่สุดในโลก

[แก้] ชนิดของเมล็ดกาแฟ

ต้นกาแฟอาราบิก้า - บราซิล
กาแฟมีมากกว่า 6,000 พันธุ์ แต่พันธุ์หลักๆ ที่ได้รับความนิยมมี 2 พันธุ์ ได้แก่ อาราบิก้า (Arabica) ซึ่งเป็นกาแฟแบบดั้งเดิม และมีรสชาติดี และ โรบัสต้า (Robusta) ซึ่งมีปริมาณกาเฟอีนสูง และสามารถปลูกในที่ที่ปลูกอาราบิก้าไม่ได้ (คำว่า robust ในภาษาอังกฤษ แปลว่า ทนทาน) ด้วยความที่มีความทนทานมากกว่านี้เอง จึงทำให้กาแฟโรบัสต้ามีราคาถูกกว่า แต่ผู้คนนิยมดื่มไม่มากนักเนื่องจากมีรสขมและเปรี้ยว ส่วนโรบัสต้าที่มีคุณภาพดีมักถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมของเอสเพรสโซ่ แบบผสม (เอสเพรสโซ่มีสองแบบใหญ่ๆ คือแบบที่เป็นอาราบิก้าแท้ๆ กับแบบที่ผสมกาแฟชนิดอื่นๆ)
กาแฟอาราบิก้ามักจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามชื่อท่าเรือที่ใช้ส่งออก ท่าเรือที่เก่าแก่ที่สุดสองที่ได้แก่ ม็อคค่า (Mocha) และ ชวา (Java) กาแฟในปัจจุบันยิ่งมีความเจาะจงในที่ปลูกมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องมีการระบุถึงประเทศ ภูมิภาค และบางครั้งต้องบอกว่าปลูกที่พื้นที่บริเวณไหนเลยทีเดียว ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกาแฟอาจจะถึงกับต้องประมูลกาแฟกัน โดยดูว่าเป็นล็อตหมายเลขเท่าใด กาแฟชนิดโรบัสต้าที่มีมูลค่าสูงที่สุดชนิดหนึ่งได้แก่ โกปิ ลูวัค (Kopi Luwak) ของอินโดนีเซีย เมล็ดของกาแฟชนิดนี้ถูกเก็บขึ้นมาจากมูลของชะมด (Common Palm Civet) (ตระกูล Paradoxirus) ซึ่งกระบวนการย่อยภายในร่างกายชะมดทำให้ได้รสชาติที่ดีเป็นพิเศษ เรียกเป็นภาษาไทยว่า "กาแฟขี้ชะมด"

Café
Un article de Wikipédia, l'encyclopédie libre.
Aller à : Navigation, Rechercher
Pour les articles homonymes, voir café (homonymie).
Le café fait référence soit aux graines du caféier, un arbuste du genre Coffea, soit à la boisson chaude psychoactive obtenue à partir de ces graines. Il désigne aussi son lieu de consommation, le café ou bar ou bistro.
La culture du café est très développée dans de nombreux pays tropicaux, dans des plantations qui cultivent pour les marchés d'exportation. Le café est une des principales denrées d'origine agricole échangées sur les marchés internationaux, et souvent une contribution majeure aux exportations des régions productrices. Le café est, après le pétrole, le premier bien échangé dans le monde.

วันพุธที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2551


อ่ะ ๆๆ หายไปนานมักๆๆ ตอนนี้ เก็บตัวเตรียมไปนอก โฮ๊ะๆๆ นอกเมือง ก็เปล่าหรอก อืมมีเรียนทู้กวันเร้ย อีก 3 เดือนเท่านั้น สำหรับการลันล้า

รู้สึกใจหายยังไงไม่รู้เนอะ อืม แต่ก็น่ะ เพื่อนอนาคต

ทวีปอเมริกา (Americas) เป็นคำเรียกรวม ๆ หมายถึงทั้งทวีปอเมริกาเหนือและทวีปอเมริกาใต้รวมกัน ซึ่งแก้ปัญหาความสับสนในภาษาอังกฤษของคำว่า "America" (ไม่มี s) ซึ่งอาจหมายถึงอเมริกาเหนือหรือใต้ก็ได้ ในบางครั้งผู้เรียกยังอาจหมายถึงประเทศชื่อสหรัฐอเมริกาด้วย
ทวีปอเมริกาเป็นดินแดนที่อยู่ทางตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิก และทางตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติก โดยอาจแบ่งย่อยได้เป็น 3 ส่วน คือ อเมริกาเหนือ อเมริกากลาง และอเมริกาใต้. คำว่า "อเมริกา" ในที่นี้ยังรวมถึงหมู่เกาะแคริบเบียน และเกาะกรีนแลนด์ (แต่ไม่รวมประเทศไอซ์แลนด์) บริเวณคอคอดของอเมริกากลางมักถูกนำไปรวมกับอเมริกาเหนือ
คำว่า "อเมริกา" มีที่มาที่เก่าแก่ที่สุดที่สามารถหาหลักฐานได้คือ พ.ศ. 2050 โดยนักเขียนแผนที่ชาวเยอรมันชื่อ Martin Waldseemüller ได้ใส่คำว่า America ลงในแผนที่โลกของเขา และอธิบายว่าชื่อนี้นำมาจากชื่อภาษาละตินของนักสำรวจ อเมริโก เวสปุชชี (Amerigo Vespucci) ซึ่งเขียนเป็นภาษาละตินได้ว่า Americus Vespucius และแปลงเป็นเพศหญิงได้เป็นคำว่า America (ในภาษาที่มีเพศอย่างภาษาละติน ทวีปจัดว่าเป็นเพศหญิง) ส่วน คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ซึ่งเป็นผู้พบทวีปอเมริกาเป็นคนแรก เสียชีวิตก่อนใน พ.ศ. 2049 โดยที่ยังเข้าใจว่าเขาค้นพบทวีปเอเซียบริเวณประเทศอินเดีย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วผู้ที่พบอเมริกาเป็นคนแรกคือชาวไวกิ้ง ชื่อ Leif Ericsons
Origine du nom [modifier]

Carte politique de l'Amérique.
La plus ancienne mention connue du nom « Amérique » remonte à l'année 1507. Il apparaît sur une mappemonde dessinée par le cartographe Martin Waldseemüller au sein du Gymnase vosgien de Saint-Dié-des-Vosges, une assemblée réunie autour du chanoine Vautrin Lud. Le livre Cosmographiae Introductio explique que le mot vient d'une déformation latine du nom du navigateur Amerigo Vespucci, Americus Vespucius, l'un des pionniers de l'exploration du « Nouveau Monde » par les européens, (nous ne parlons plus de 'découverte' dans la mesure où des hommes se trouvaient sur ce continent à l'arrivée des européens, ce qui signifie que l'Homme y était parvenu bien auparavant). Amerigo Vespucci a atteint le continent en juillet 1497, certain d'arriver sur une terre inconnue des anciens, tandis que Christophe Colomb le fit en avril 1492 en croyant qu'il venait de découvrir les côtes occidentales des Indes. Le prénom italien Amerigo vient lui-même du germanique Haimirich.
Depuis 1992, des nations indigènes proposent de remplacer le nom choisi par les Européens par Abya Yala qui signifie la terre dans sa pleine maturité, en aymara, une langue inca[1].

วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2551


เฮ้อ ปิดเทอมแล้วสิน้า สอบเสร็จแล้วด้วย อืม เครียดกันไป ก่อนสอบก็เครียก ระหว่างสอบก็เครียด หลังสอบยิ่งเครียด เออ เอาเข้าไป ไม่รู้จะทำไงแล่วเนี่ย งั้น ไปทะเลกันดีกว่า น้า นานา ........




อ่าวไทย เป็นอ่าวที่อยู่ในทะเลจีนใต้ (มหาสมุทรแปซิฟิก) ล้อมรอบด้วยประเทศไทย มาเลเซีย กัมพูชา และเวียดนาม จุดเหนือสุดของอ่าวไทย ตรงปากแม่น้ำเจ้าพระยา เรียกว่า อ่าวประวัติศาสตร์ รูปตัว ก. (ต่างชาติเรียกว่า อ่าวกรุงเทพฯ) อ่าวไทยมีพื้นที่ 300,858.76 ตารางกิโลเมตร [1] เขตแดนของอ่าวไทยกำหนดด้วยเส้นที่ลากจากแหลมกาเมา (แหลมญวน) ทางตอนใต้ของเวียดนาม ไปยังเมืองโกตาบารูในชายฝั่งมาเลเซีย ซึ่งอยู่ห่างกัน 381 กิโลเมตร
ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยทอดยาว 1,840 กิโลเมตร มีความลึกเฉลี่ย 45 เมตร ซึ่งถือว่าตื้นมาก จุดที่ลึกที่สุดลึกเพียง 80 เมตร จึงทำให้การแลกเปลี่ยนระหว่างน้ำจืดกับน้ำเค็มเป็นไปอย่างเชื่องช้า น้ำจืดจำนวนมากที่ไหลมาจากแม่น้ำต่างๆ ทำให้น้ำทะเลในอ่าวไทยมีระดับความเค็มต่ำ (3.05-3.25%) และมีตะกอนสูง บริเวณที่ลึกกว่า 50 เมตร มีความเค็มสูงกว่านี้ (3.4%) ซึ่งเกิดจากน้ำทะเลที่ไหลเข้ามาจากทะเลจีนใต้ แม่น้ำสายหลักที่น้ำในแม่น้ำไหลลงสู่อ่าวไทย คือ แม่น้ำเจ้าพระยา (รวมแม่น้ำท่าจีน ที่แยกสาขาออกมา) แม่น้ำแม่กลองที่ไหลลงสู่อ่าวแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม และแม่น้ำตาปีที่ไหลลงสู่อ่าวบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี
น้ำอุ่นในอ่าวไทย ทำให้เกิดแนวปะการังที่สวยงาม สถานที่ดำน้ำที่ได้รับความนิยม เช่น เกาะสมุยและเกาะเต่าใน จ.สุราษฎร์ธานี ทรัพยากรธรรมชาติที่พบในอ่าวไทย คือ น้ำมันและแก๊สธรรมชาติ


Le golfe de Thaïlande, aussi appelé golfe du Siam, est adjacent à la mer de Chine méridionale mais n'en fait pas partie. Il est bordé par la Malaisie, la Thaïlande, le Cambodge et le Vietnam. La partie nord du golfe constitue la baie de Bangkok, dans laquelle se jette le fleuve Chao Phraya. Le golfe a une superficie de quelque 320 000 km². Sa limite est une ligne qui va du cap Bai Bung dans le sud du Vietnam, juste au sud de l'embouchure du Mékong, à la ville de Kota Baru sur la côte est de la Malaisie.
Le golfe de Thaïlande est peu profond, avec une profondeur moyenne de 45 m et un maximum de 80 m. Les principaux cours d'eau qui s'y jettent sont le Chao Phraya, le Mae Klong et la Tapi.
À la fin de la dernière glaciation, le golfe n'existait pas en raison d'un niveau des mers alors plus bas qu'aujourd'hui.
Grâce à sa température tropicale, le golfe abrite de nombreux récif de coraux. Le lieu touristique le plus connu est l'île de Ko Samui dans la province de Surat Thani en Thaïlande.
Le golfe possède également des réserves de pétrole et de gaz naturel..




คำศัพท์น่ะจร้า


1. Le golfe de Thaïlande ** อ่าวไทย


2. constitue** ลักษณะท่าทาง


3. fleuve ** แม่น้ำ


4. embouchure ** ปากน้ำ


5. profond** ลึก


6. profondeur **ความลึก


7. jettent ** ทิ้ง / ข้าง /ปา


8. glaciation,** ความหนาวเน็บ


9. niveau** ระดับ


10. abrite **ป้องกัน / คุ้มครอง

วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

สวัสดี สวัสดี วันนี้เรามาเจอกัน เธอกับฉัน พบกันสวัสดี ( ยังมีอารมณ์มาร้องเพลง )
อ่ะ ไหนๆๆก็ จะต้องทำข้อสอบกันและ มีสมาธิกันหรือยังจ๊ะ
( รูปของอิฉันตอนเด็กๆ เอิ้กๆๆ )
สมาธิ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

การทำสมาธิในลัทธิเต๋า
สมาธิ ในความหมายของพจนานุกรม แปลว่า ที่ตั้งมั่นแห่งจิต แต่สมาธิในความหมายของการฝึกปฏิบัติ คือการทำใจนิ่งๆ ว่างๆ เฉยๆ ร่างกาย ยิ่งเคลื่อนไหว ยิ่งแข็งแรง แต่จิตใจ หาก หยุด นิ่ง เฉย ได้แล้วจะยิ่งมีพลัง เหมือนการรวมโฟกัสของแสง ให้เป็นจุดเดียวกัน ย่อมมีพลัง ที่จะจุดไฟให้ติดได้ การทำสมาธิมีปรากฏในหลายศาสนา ซึ่งรวมถึง พุทธศาสนา ฮินดู และ เต๋า และยังคงรวมถึงสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับศาสนา เช่น โยคะ

Samadhi समाधि en sanskrit et en pāli (variantes : samaddhi, samâdhi ou samâddhi) est un terme du yoga hindou et du bouddhisme.
Il signifie complet (sam-) établissement, maintien, « reposition » (-ādhi) de la conscience, de l'attention. Son usage généralisé a entraîné un important élargissement sémantique: ce substantif masculin signifie « union, totalité, accomplissement, achèvement, mise en ordre, rangement, concentration totale de l’esprit, contemplation, absorption [1] ».
Dans l'hindouisme, c'est le nom de la huitième et dernière étape de l'Ashtanga Yoga qui est exposé dans les Yoga Sutra de Patanjali, durant laquelle l’esprit du yogi réalise la « réalité ultime ». Dans le bouddhisme, ce terme a deux acceptions : concentration et établissement dans l'éveil.

ศัพท์จร้า
1. établissement ++ การสถาปนา / การตั้งถิ่นฐาน
2. usage ++ ผู้ที่ใช้เป็นประจำ
3. entraîné ++ ความร่าเริง / ความสนุกสนาน
4. élargissement ++ การขยายส่วน / การปลดปล่อย
5. substantif ++ ซึ่งที่มีอยู่เป็นตัวตน



วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551


อืม บำรุงสมองกันหรือยังจ๊ะ ใกล้สอบแล้ว ดูแลตัวเองด้วยน่ะ
อาจเครียดไปนิด แต่ต้องการให้เข้ากับบรรยากาส (อิอิอ ) ส่วนเราน่ะหรอ อืม เครียดจะตายอยู่แว้ววว
**** ขอให้นักเรียนโชคดีในการสอบค่ะ ********* ประกาศทุกวัน++ เพื่อ ?++

สมอง คืออวัยวะสำคัญในสัตว์หลายชนิดตามลักษณะทางกายวิภาค หรือที่เรียกว่า encephalon จัดว่าเป็นส่วนกลางของระบบประสาท คำว่า สมอง นั้นส่วนใหญ่จะเรียกระบบประสาทบริเวณหัวของสัตว์มีกระดูกสันหลัง คำนี้บางทีก็ใช้เรียกอวัยวะในระบบประสาทบริเวณหัวของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอีกด้วย
สมองมีหน้าที่ควบคุมและสั่งการการเคลื่อนไหว, พฤติกรรม และรักษาสมดุลภายในร่างกาย (homeostasis) เช่น การเต้นของหัวใจ, ความดันโลหิต, สมดุลของเหลวในร่างกาย และอุณหภูมิ เป็นต้น หน้าที่ของสมองยังมีเกี่ยวข้องกับการรับรู้ (cognition) อารมณ์ ความจำ การเรียนรู้การเคลื่อนไหว (motor learning) และความสามารถอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการเรียนรู้
สมองประกอบด้วยเซลล์สองชนิด คือ เซลล์ประสาท และเซลล์เกลีย เกลียมีหน้าที่ในการดูแลและปกป้องนิวรอน นิวรอนหรือเซลล์ประสาทเป็นเซลล์หลักที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลในรูปแบบของสัญญาณไฟฟ้าที่เรียกว่า ศักยะทำงาน (action potential) การติดต่อระหว่างนิวรอนนั้นเกิดขึ้นได้โดยการหลั่งของสารเคมีชนิดต่าง ๆ ที่รวมเรียกว่า สารสื่อประสาท (neurotransmitter) ข้ามบริเวณระหว่างนิวรอนสองตัวที่เรียกว่า ไซแนปส์ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น แมลงต่าง ๆ ก็มีนิวรอนอยู่นับล้านในสมอง สัตว์มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่มักจะมีนิวรอนมากกว่าหนึ่งร้อยล้านตัวในสมอง สมองของมนุษย์นั้นมีความพิเศษกว่าสัตว์ตรงที่ว่ามีความซับซ้อนและใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับขนาดตัวของมนุษย์

En anatomie animale et humaine, le cerveau (ou prosencéphale) est l'organe central supervisant le système nerveux. Bien que le cerveau soit volontiers cité comme centre de supervision du système nerveux central des vertébrés, le même terme peut être employé pour le système nerveux central des invertébrés.
À noter que dans le langage courant, le terme « cerveau » est employé pour désigner l'ensemble de l'encéphale, c'est-à-dire la partie du système nerveux central située dans la boîte crânienne, ce qui inclut par exemple, le cervelet. Le cerveau est également appelé vulgairement cervelle.
ศัพท์น่ะจ๊ะ
1. cerveau ++ สมอง
2. volontiers ++ เจตนา
3. langage ++ ภาษา
4. située ++ ตั้งอยู่
5. également ++ เท่าเทียมกัน

วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551


ณ บนเครื่องบิน สายการบินหนึ่ง ที่บินจากไทยไปฝรั่งเศส
แอร์โฮสเตดคนหนึ่ง ที่เพิ่งจะทำการบินเป็นครั้งแรก เดินเก้กังมาที่ลูกค้า คนแรกที่เธอตั้งใจที่จะบริการ
.............................
แอร์โฮสเตด ** ชาร้อนไหมค่ะ
ลูกค้า ** ร้อนไม่ร้อนก็ลองเอานิ้วจุ่มดูสิย่ะ
แอร์โฮสเตด ** .........

Le thé est une boisson stimulante, obtenue par infusion des feuilles du théier, préalablement séchées et le plus souvent oxydées.
D'origine chinoise, où il est connu depuis l'Antiquité, le thé est aujourd'hui la boisson la plus bue au monde après l'eau. La boisson elle-même peut prendre des formes très diverses : additionnée de lait et de sucre au Royaume-Uni, longuement bouillie avec des épices en Mongolie, préparée dans de minuscules théières dans la technique chinoise du gōngfū chá.
Par analogie, le mot désigne, dans certaines régions de la francophonie ou certaines régions de France une infusion préparée à partir d'autres plantes (par ex. thé de tilleul) bien que l'on doive parler plus proprement de tisane. De même dans certains pays où le thé ne fait pas partie d'une culture ancienne (Allemands ou Italiens parlent ainsi de "Tee" et de "Tè" quelle que soit la plante utilisée) et où le café prédomine largement le secteur des boissons chaudes.

ชา เป็นผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่งสกัดมาจากใบของต้นชา (Camellia sinensis) โดยนิยมใช้รับประทานเป็นเครื่องดื่มร้อน แต่มีให้เห็นในลักษณะเครื่องดื่มเย็นเช่นกัน กลิ่นของชาจะออกมาในขบวนการต่างๆ เช่น การออกซิเดชัน การให้ความร้อน การตากแห้ง ชามีการผลิตทั่วโลกประมาณ 3,000,000 ตัน ต่อปี
ในเมืองไทย ชาไทย ชานม ชามะนาว ชาไข่มุก เป็นที่นิยม

ศัพท์น่ะจร้า

1. infusion ++ การไม่ละลาย /การแพร่

2. préalablement ++ ก่อน /แต่ก่อน

3. séchée ++ ตากให้แห้ง

4. épices ++ เครื่องเทศ

5. prédomine ++ เกิดขึ้นย่อยๆกว่า

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551


วันนี้ พี่ปุ๊กสอนเรื่องดอกมูเก้ เลยนำมาฝากน่ะจ๊ะ

ดอกนี้ ชื่อภาษาอังกฤษคือ Convallaria หรือ Lily of the Valley
The flower is also known as Our Lady's tears since, according to legend, the tears Mary shed at the cross turned to Lilies of the Valley. According to another legend, Lilies of the Valley also sprang from the blood of St. Leonard during his battle with the dragon. Other names include May Lily, May Bells, Lily Constancy, Ladder-to-Heaven, Male Lily and Muguet.
By tradition, Lily of the Valley is sold in France in the streets on May 1st. Since 1982, Lily of the Valley is the national flower of Finland. It is the official flower of Pi Kappa Alpha Fraternity, as well as Kappa Sigma Fraternity.
The name "Lily of the Valley" is also used in some English translations of the Bible in Song of Songs 2:1, although whether the Hebrew word "shoshana" originally used there refers to this species or not is uncertain
ศัพท์น่ะจร๊ะ
1. sprang +++ ผลิใบ
2. fraternity ++ พี่น้องฉันพี่น้อง
3. translation ++ การแปล
4. uncertain ++ ไม่แน่ใจ
5. constancy ++ จำนวนคงที่ /ไม่ลดละ

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551














มาๆๆ มารู้จักกับดอกกุหลาบกันหน่อยน่ะ เห็นถือกันท้างวัน เฮ้อ เห็นแล้วเมื่อยแทน 55+

ความสำคัญทางเศรษฐกิจ
กุหลาบเป็นไม้ตัดดอกที่มีการปลูกเป็นการค้ากันแพร่หลายทั่วโลกมานานแล้ว กุหลาบเป็นไม้ตัดดอกที่มีการซื้อขาย เป็นอันดับหนึ่งในตลาดประมูลอัลสเมีย ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นตลาดประมูลไม้ดอก ที่ใหญ่ที่สุดของโลก เมื่อ พ.ศ. 2542 มีการซื้อขายถึง 1,672 ล้านดอก และมักจะมียอดขายสูงสุดในประเทศต่าง ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ดอกชนิดอื่น ๆ โดยประเทศที่ผลิตกุหลาบรายใหญ่ของโลกได้แก่ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน สหรัฐอเมริกา โคลัมเบีย เอกวาดอร์ อิสราเอล เยอรมนี เคนยา ซิมบับเว เบลเยียม ฝรั่งเศส เม็กซิโก แทนซาเนีย และมาลาวี เป็นต้น
ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกกุหลาบตัดดอกประมาณ 5,500 ไร่ กระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ แหล่งปลูกที่สำคัญได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ตาก นครปฐม สมุทรสาคร ราชบุรี และกาญจนบุรี มีการขยายตัวของพื้นที่มากที่สุดใน อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ซึ่งปัจจุบันประมาณว่ามีพื้นที่การผลิตถึง 3,000 ไร่ เนื่องจาก อ.พบพระ มีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม พื้นที่ไม่สูงชัน และค่าจ้างแรงงานต่ำ (แรงงานต่างชาติ) การผลิตกุหลาบในประเทศไทยอาจแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะคือ การผลิตกุหลาบในเชิงปริมาณ และการผลิตกุหลาบเชิงคุณภาพ การผลิตกุหลาบเชิงปริมาณ หมายถึงการปลูกกุหลาบในพื้นที่ขนาดใหญ่ หรือปลูกในพื้นที่ราบ ซึ่งจะให้ผลผลิตมีปริมาณมาก แต่ผลผลิตไม่ได้คุณภาพ เช่น ดอกและก้านมีขนาดเล็ก มีตำหนิจากโรคและแมลง หรือการขนส่ง อายุการปักแจกันสั้น ทำให้ราคาต่ำ การผลิตชนิดนี้ต้องอาศัยการผลิตในปริมาณมากเพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้ ส่วนการผลิตกุหลาบในเชิงคุณภาพ นิยมปลูกในเขตภาคเหนือ และบนที่สูง โดยปลูกกุหลาบภายใต้โรงเรือนพลาสติก ในพื้นที่จำกัด มีการจัดการการผลิตและการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวที่ดี ใช้แรงงานที่ชำนาญ ทำให้กุหลาบที่ได้มีคุณภาพดี และปักแจกันได้นาน ตลาดของกุหลาบคุณภาพปานกลางถึงต่ำ (ตลาดล่าง) ในปัจจุบันถึงขั้นอิ่มตัว เกษตรกรขายได้ราคาต่ำมาก ส่วนตลาดของกุหลาบที่มีคุณภาพสูง (ตลาดบน) ผลผลิตในประเทศยังไม่เพียงพอ และขาดความต่อเนื่อง ทำให้ยังต้องนำเข้าดอกกุหลาบจากต่างประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ และมาเลเซีย เป็นต้น
ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตกุหลาบคุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง หากแต่จะต้องผลิตในพื้นที่ที่เหมาะสม คือพื้นที่สูงมากกว่า 800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล หากปลูกในที่ราบจะได้คุณภาพดีในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น ดังนั้นการผลิตกุหลาบมีแนวโน้มเพิ่มพื้นที่การผลิตบนที่สูงมากขึ้น

La rose est la fleur des rosiers, arbustes du genre Rosa et de la famille des Rosaceae. La rose des jardins se caractérise avant tout par la multiplication de ses pétales imbriqués qui lui donnent sa forme caractéristique.
Appréciée pour sa beauté, célébrée depuis l'Antiquité par de nombreux poètes et écrivains, pour ses couleurs qui vont du blanc pur au pourpre foncé en passant par le jaune franc et toutes les nuances intermédiaires, et pour son parfum, elle est devenue la « reine des fleurs », présente dans presque tous les jardins et presque tous les bouquets. C'est sans doute la fleur la plus cultivée au monde, mais on oublie souvent que les rosiers sont aussi des plantes sauvages (le plus connu en Europe est l'églantier) aux fleurs simples à cinq pétales, qui sont devenus à la mode, pour leur aspect plus naturel, depuis quelques décennies sous le nom de « roses botaniques ».
Les rosiers cultivés sont le résultat de plusieurs siècles de transformations d'abord empiriques, puis, dès la fin du XVIIIe siècle, méthodiques, en particulier par l'hybridation. Les variétés sont innombrables, on estime à plus de 3000[1] le nombre de cultivars disponibles actuellement dans le monde.


ศัพท? อ่ะจร้า

1. imbriqués ++ มุมหลังคาด้วยกระเบื้อง
2. Antiquité ++ โบราณวัตถุ
3. poètes ++ จินตกวี
4. foncé ++ เข้ม (สี)
5. nuances ++ ลำดับสีจากอ่อนไปเข้ม



วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

พระบรมราโชวาท"...ประเทศไทย เป็นประเทศที่อยู่มาเป็นเวลาช้านาน ได้ตกทอดมาเป็นสมบัติของทุกคนใน ปัจจุบัน จึงต้องช่วยกันทะนุถนอม ให้อยู่เย็นเป็นสุขต่อไป แม้จะมี สภาพสถานการณ์ต่างๆ แวดล้อมซึ่งอันตรายและทั้งโลกก็ ประสบปัญหาต่างๆ นานา ก็เชื่อได้ว่า พวกเราจะสามารถไปรอดได้ .."พระราชดำรัส ในโอกาสที่คณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณตนณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน 14 มีนาคม 2523"...กิจการใดที่ทำให้การรับน้องใหม่ จะต้องมีเหตุผลและต้องให้ ทุกคนได้เห็นเหตุผลนั้น ไม่ใช่สักแต่จะให้น้องใหม่กลัว พี่รุ่นเก่าเท่านั้น การที่จะให้น้องใหม่มีความเกรงกลัวรุ่นพี่นั้นเป็นการดี แต่สมควรที่จะให้น้องใหม่เข้ามาแล้วเคารพนับถือพี่ จะดีกว่าการเกรงกลัว..."พระราชดำรัสพระราชทานแก่นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 29 พฤศจิกายน 2512"...นักเรียนที่ยังก่อเรื่องวิวาท จนเกิดความเสียหายแก่ตน แก่โรงเรียน ขอให้สำนึกว่าการกระทำเช่นนั้น อาจกลายเป็นการทำลายอนาคตของตนไปได้อย่างคิดไม่ถึง ฉะนั้น ขอให้พยายามฝึกฝนอบรมตนเองให้มีค่า เป็นคนเต็มคน ให้เป็นคนดีมีประโยชน์ให้ จงได้..."พระราชดำรัส ในพิธีเปิดงานกรีฑา ศิลปหัตถกรรมนักเรียน ประจำปี 2512 ณ กรีฑาสถานแห่งชาติ 1 ธันวาคม 2512

วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551


Happy Valentine น่ะจร้า

Valentine's Day is a holiday celebrated on February 14. It is the traditional day on which lovers express their love for each other; sending Valentine's cards, or offering candy. It is very common to present flowers on Valentine's Day. The holiday is named after two among the numerous Early Christian martyrs named Valentine. The day became associated with romantic love in the circle of Geoffrey Chaucer in High Middle Ages, when the tradition of courtly love flourished.
The day is most closely associated with the mutual exchange of love notes in the form of "valentines." Modern Valentine symbols include the heart-shaped outline and the figure of the winged Cupid. Since the 19th century, handwritten notes have largely given way to mass-produced greeting cards.[1] The mid-nineteenth century Valentine's Day trade was a harbinger of further commercialized holidays in the United States to follow.[2] The U.S. Greeting Card Association estimates that approximately one billion valentines are sent each year worldwide, making the day the second largest card-sending holiday of the year behind Christmas. The association estimates that women purchase approximately 85 percent of all valentines


Lumière sur...

La météorologie de l’espace est une discipline récente qui s’intéresse principalement à l'impact de l'activité solaire sur notre environnement terrestre. Plus exactement: La météorologie de l’espace est la discipline qui traite de l’état physique et phénoménologique des environnements spatiaux naturels. Au moyen de l'observation, la surveillance, l'analyse et la modélisation, elle vise plusieurs objectifs : d'une part, comprendre et prévoir l'état du Soleil et des environnements interplanétaire ou planétaire, ainsi que les perturbations qui les affectent, qu’elles soient d’origine solaire ou non; d'autre part, analyser en temps réel ou prévoir d'éventuels effets sur les systèmes biologiques et technologiques (définition adoptée par le portail européen de la météorologie de l’espace
ศัพท์จร้า
1. récente ++ ที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่
2. terrestre ++ พื้นดิน ธรณี
3. météorologie ++ อุตุนิยมวิทยา
4. spatiaux ++ แห่งอวกาศ
5. moyen ++ ปัจจัย / วิธี







วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551


ส้วมในประเทศไทย มีมาแต่โบราณ โดยในสมัยก่อนจะแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มของกษัตริย์ เจ้านาย ขุนนางและผู้มีฐานะดี, กลุ่มของพระที่อยู่ภายใต้พระธรรมวินัย, กลุ่มของชาวบ้านที่เป็นคนส่วนใหญ่ในสังคม โดยกลุ่มชาวบ้านมักจะไปถ่ายทุกข์ตามที่เหมาะ ๆ ยังไม่มีส้วมใช้กัน จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2440 รัฐได้ออกพระราชกำหนดสุขาภิบาลกรุงเทพฯ พ.ศ. 2440 มีผลบังคับให้คนต้องขับถ่ายในส้วม
กระทั่งช่วงปี พ.ศ. 2460-2471 ประเทศไทยได้รับความช่วยเหลือทางการแพทย์และสาธารณสุขจากมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลเอกชนของสหรัฐอเมริกา โดยส่งเสริมให้มีการสร้างส้วมในจังหวัดต่าง ๆ และยังเกิดการประดิษฐ์คิดค้นส้วมรูปแบบต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับท้องถิ่นของไทย เช่น “ส้วมหลุมบุญสะอาด” ที่มีกลไกป้องกันปัญหาการลืมปิดฝาหลุมถ่ายและส้วมคอห่านที่ใช้ร่วมกับระบบบ่อเกรอะบ่อซึม ต่อมาเริ่มมีผู้ใช้ส้วมชักโครกมากขึ้นในช่วงที่มีการก่อสร้างบ้านแบบสมัยใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กระทั่งต้นทศวรรษ 2500 โถส้วมชนิดนี้ก็ได้รับความนิยม มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนในปัจจุบัน
จากอดีตที่ผ่านมาส้วมสาธารณะในประเทศไทยเป็นปัญหาพื้นฐานที่สำคัญทางด้านสุขาภิบาล สิ่งแวดล้อมของประเทศไทย และทางกรมอนามัยเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการดำเนินการในเรื่องนี้ มีการสำรวจและประเมินผลมาตรฐานส้วมสาธารณะ พบว่าส้วมสาธารณะในประเทศไทยผ่านเกณฑ์มาตรฐานไม่มาก ในปี พ.ศ. 2549 ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ การประชุมส้วมโลก 2006 หรือ World Toilet Expo & Forum 2006 ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญในการพัฒนาส้วมสาธารณะ และมีโครงการหลายโครงการเกี่ยวกับส้วมสาธารณะอีกหลายโครงการ
ประเทศไทยได้ใช้มาตรการหลายอย่าง รวมทั้งมาตรการทางกฎหมายซึ่งมีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับส้วม ปรากฏอยู่ในกฎหมายหลายฉบับที่เริ่มมีการออกพระราชกำหนดสุขาภิบาลกรุงเทพฯ ร.ศ. 116 ซึ่งถือเป็นกฎหมายฉบับแรกเกี่ยวกับการสุขาภิบาลของคนกรุงเทพฯ และต่อมาได้ออกกฎกระทรวง ฉบับที่ 39 (พ.ศ. 2537) ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติ ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 รวมถึงกฎกระทรวงกำหนดสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคารสำหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพและคนชรา พ.ศ. 2548




Le canal de Panamá est un canal important traversant l’isthme de Panamá en Amérique centrale, reliant l’océan Pacifique et l’océan Atlantique. Sa construction a été un des projets d’ingénierie les plus difficiles jamais entrepris. Son impact sur le commerce maritime a été considérable puisque les navires n’ont plus eu besoin de faire route par le cap Horn et le passage de Drake à la pointe australe de l’Amérique du Sud. Un navire allant de New York à San Francisco par le canal parcourt 9 500 kilomètres, moins de la moitié des 22 500 kilomètres d’un voyage par le cap Horn.[1]
Bien que le concept d’un canal à Panamá remonte au début du XVIe siècle, la première tentative de construction commença en 1880 sous l’impulsion française. Après que cette tentative eut échoué, le travail fut terminé par les États-Unis d’Amérique et le canal ouvrit en 1914. La construction des 77 kilomètres du canal a été parsemée de problèmes, incluant des maladies comme le paludisme et la fièvre jaune et des glissements de terrain. On estime à 27 500 le nombre d’ouvriers qui périrent pendant la construction.
Depuis son ouverture, le canal a remporté un énorme succès et continue d’être un point de passage stratégique pour la navigation. Chaque année le canal permet le passage de plus de 14 000 navires transportant plus de 203 millions de tonnes de cargaison. Jusqu'à 2002, un total de 800 000 navires étaient passés par le canal.[2] Des travaux d'élargissement du canal ont été lancés en septembre 2007 et devraient être terminés en 2014, permettant alors à des navires encore plus gros d'emprunter le canal.


คลองปานามา (สเปน: Canal de Panamá, อังกฤษ: Panama Canal) เป็นคลองที่มนุษย์สร้างบริเวณคอคอดปานามาในประเทศปานามา เพื่อเชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรแอตแลนติกเข้าด้วยกัน ซึ่งช่วยย่นระยะเวลาที่ต้องไปอ้อมช่องแคบเดรก และแหลมฮอร์น ทางใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้ ในการเดินทางระหว่างทั้งสองมหาสมุทร คลองปานามามีความยาว 82 กิโลเมตร หรือ 51 ไมล์ มีเรือใช้เส้นทางนี้ประมาณ 12,000 ลำต่อปี ใช้เวลาแล่นเรือข้ามคลองประมาณ 9 ชั่วโมง[1]
ถึงแม้ว่าแนวความคิดในการสร้างคลองปานามาจะมีมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 แล้ว แต่ก็ได้มีการขุดคลองครั้งแรกในปี ค.ศ. 1880 โดยบริษัทฝรั่งเศสที่บริหารโดยนายแฟร์ดีนอง เดอ เลสเซป แต่ก็ล้มเหลวไป มีคนงานกว่า 22,000 คนเสียชีวิตระหว่างการทำงานนี้ จนกระทั่งสหรัฐอเมริกาเข้ามาดำเนินงานต่อ เปิดใช้งานเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1914 รวมการสูญเสียชีวิตทั้งหมดในระหว่างการทำงานสร้างคลองปานามานี้ ตกอยู่ที่ราว 27,500 คน
ตั้งแต่เปิดทำการ คลองปานามาประสบความสำเร็จและเป็นกุญแจสำคัญในการขนส่งสินค้าทั่วโลก โดยมีเรือผ่านเข้า-ออกประมาณ 40 ลำต่อวัน หรือ 14,000 ลำต่อปี หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 5 ของเรือบรรทุกสินค้าทั่วโลก[2] รองรับสินค้าได้ 205 ล้านตัน โดยในปี ค.ศ. 2002 มีเรือใช้ทั้งสิ้นถึง 800,000 ลำ[3]

วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551


อ่ะ วันนี้เพิ่งเรียนเรื่อง biftsteak ไปใช่ป่ะ หามาเพิ่ม
Un steak est une tranche d’un grand morceau de viande, typiquement du bœuf. Dans ce cas, on parle de beef steak en anglais, mot francisé en bifteck. On parle toutefois aussi de steak pour des tranches de thon ou saumon, dont le mode de cuisson est similaire.

steak cru
Dire de quelqu’un que c’est un steak est une insulte en argot. Cela est généralement utilisé pour une personne en surpoids ou une personne au physique disgracieux.

Couleur [modifier]
Bon nombre de consommateurs vont, à tort, choisir leur viande en fonction de sa couleur; mais celle-ci n’est pas le meilleur indice de qualité.
En effet, lorsqu'une pièce de bœuf est coupée, sa couleur est rouge pourpre foncé à violacé, mais en présence de l'oxygène, elle tournera en quelques minutes au rouge vif puis au rouge brunâtre si l'exposition se prolonge. Si l'oxygène ne peut pénétrer dans le matériel d’emballage, la viande demeurera foncée. Il est donc naturel que l'intérieur d'un paquet de bœuf haché soit de couleur foncée alors que l'extérieur est rouge vif. Si le bœuf a été bien vieilli, il peut aussi être un peu plus foncé.
Les différences de couleur sont induit par bien des facteurs, dont le type d'emballage utilisé. Pour connaître vraiment la fraîcheur du produit, il vaut mieux se fier à la date d’emballage et à la date « Meilleur avant ».
ศัพท์พ่ะย่ะค่ะ
1. tranche ++ ตัด เฉือย หั่น
2. morceau ++ ก้อน หั่น ผืน
3. surplus ++ มากเกิน
4. fonction ++ การหน้าที่ หน้าที่ตำแหน่ง
5. lorsque ++ เมือ ครั้ง
สเต๊ก (steak) คือชิ้นส่วนขนาดใหญ่ของเนื้อโดยเฉพาะเนื้อวัว ในปัจจุบันเนื้อแดงอื่น ๆ และปลานิยมตัดมาทำสเต๊ก เนื้อสเต๊กจะตัดตั้งฉากกับเอ็นของเนื้อเพื่อคงความนุ่มของเนื้อไว้ สเต๊กสามารถกินได้ในลักษณะปิ้ง ทอด หรือ ต้ม ราคาของสเต๊กจะค่อนข้างสูงเปรียบเทียบกับเนื้อส่วนอื่น ซึ่งการกินสเต็กยังคงแสดงถึงความร่ำรวยในบางวัฒนธรรม
ร้านอาหารที่ขายเฉพาะสเต๊กจะเรียกว่าสเต๊กเฮาส์ โดยการเสิร์ฟอาหารสเต๊ก นิยมเสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงที่เป็นผักพร้อมทั้งมันฝรั่ง และบนโต๊ะอาหาร มีดสเต๊ก จะมีความคมมากกว่ามีดทั่วไปสำหรับใช้บนโต๊ะอาหาร และจะมีการเสิร์ฟไวน์ควบคู่กันไป

ระดับความสุก
ความสุก คือปริมาณช่วงเวลาในการเตรียมสเต๊ก ซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล ความสุกจะใช้กับสเต๊กเนื้อวัวเพื้ออย่างเดียว เนื่องจากเนื้อชนิดอื่นเช่นเนื้อหมู จำเป็นต้องทำให้สุกเพื่อฆ่าเชื้อที่ทำอันตรายต่อมนุษย์ที่อยู่ภายในเนื้อ
แรร์ (rare) เนื้อด้านนอกสีน้ำตาลอมเทา เนื้อส่วนกลางยังคงเป็นสีแดงและสีชมพู
มีเดียมแรร์ (medium rare) เนื้อด้านนอกสีน้ำตาลอมเทา เนื้อส่วนกลางเป็นสีแดงอมเทา ส่วนมากถ้าไม่ได้สั่งอะไรพิเศษ ทางสเต๊กจะจัดเตรียมในลักษณะนี้
มีเดียม (medium) เนื้อด้านในสุดเป็นสีชมพู โดยเนื้อส่วนอื่นจะเป็นสีน้ำตาลอมเทา
มีเดียมเวลล์ (medium well) เนื้อทั้งหมดจะเป็นสีน้ำตาลอมเทา โดยจะเห็นเพียงสีชมพูเรื่อ ๆ ความฉ่ำของเนื้อจะเริ่มลดลงที่ระดับนี้
เวลล์ดัน (well done) เนื้อทั้งหมดจะเป็นสีน้ำตาลอมเทา ความฉ่ำและความนุ่มของเนื้อจะลดลง แต่เนื้อจะสุกทุกส่วน

การทำสเต๊กอย่างคร่าว ๆ
ส่วนประกอบ ได้แก่ เนื้อสัตว์ดิบ น้ำมันพืช เนย เครื่องเทศ ซอสปรุงรสรสเค็ม
วิธีทำ
หมักเครื่องเทศและซอสปรุงรสต่าง ๆ กับเนื้อสัตว์ดิบ เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 30 นาที เพื่อให้เข้าเนื้อ
ตั้งกระทะก้นแบน เทน้ำมันเล็กน้อย ตามด้วยเนยเพื่อให้กลิ่นหอม
ทอดบนกระทะ ไฟกลาง สักครู่แล้วพลิกกลับเพื่อให้เนื้อสุกทั้งสองด้านตามระดับความสุก
ตักออกใส่จาน
กระทะที่เปื้อนอยู่ ใส่เนย นม หรือสลัดครีมแล้วผัดเพิ่ม ถ้าต้องการน้ำราด
ผักต้มอบเนยข้างจาน เช่น ถั่วแขก แครอท ข้าวโพดอ่อน เห็ด
หั่นผักให้เป็นแท่งแล้วนำไปต้มในน้ำเดือดสักพัก พอดูว่าผักสุกแล้ว หรือใช้ไมโครเวฟต้มผักในชามซึ่งมีน้ำร้อนอยู่เต็มก็ได้ ไม่เกิน 10 นาที
นำผักนั้นผึ่งให้แห้ง
ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันและเนยเล็กน้อย
นำผักลงไปผัด คลุก ๆ ไม่ต้องนานมากเพราะผักสุกอยู่แล้ว